หลายคนสงสัยว่า ในเมื่อ 3G มาช้าอย่างนี้ เราจะไม่ทำ3G แล้วข้่ามไปเป็น 4G เลยจะได้หรือเปล่า ? พ.อ.ดร.เศรษฐพงศ์ มะลิสุวรรณ รองประธาน กสทช. และประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ได้ให้คำตอบไว้ว่า ไม่สามารถกระโดดจาก2G ไปเป็น 4G ได้ เพราะ 4G จะเน้นการส่งข้อมูลแบบ Data และอินเตอร์เน็ตอย่างเดียว พอมาแบบโทรทั่วไปก็จะติดๆขัดๆ ต้องมาใช้โทรผ่านทางอินเตอร์เน็ต ซึ่ง การโทรศัพท์ทั่วไปก็ต้องพึ่งพา 3G อยู่ดี และ 3G ก็ยังต้องอาศัย 2G ซึ่งจะเน้นการโทรด้วยเสียง (voice) ได้ดีกว่า มีประสิทธิภาพมากกว่า
โดย
สรุปแล้ว 2G จะเน้นการโทรธรรมดา (voice) 3G ก็กึ่งทั้งโทรด้วยเสียง
และการส่งข้อมูล (Voice & Data ) และ 4G จะเน้นการส่งข้อมูลเป็นหลัก
(data)
เราจะข้ามจาก 2G ไปเป็น 4G โดยไม่ทำ 3G เลยไม่ได้ เพราะแต่ละชั้นก็ยังพึ่งพากัน
4G เป็นเทคโนโลยีสำหรับการส่งข้อมูลหรือการใช้งานอินเตอร์เน็ตในปริมาณมากๆ หากโทรศัพท์ด้วยเสียงก็จะสลับมาเป็น 3G ด้วย ดังนั้น โทรศัพท์ในอนาคตจะรองรับทั้ง 4G 3G และ 2G อยู่ในตัวเดียวกัน
4G
นี้ก็จะใช้ตามเมืองใหญ่ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหน่วยงานธุรกิจต่างๆที่ต้องใช้
เทคโนโลยีเครือข่ายอินเตอร์เน็ตตลอดเวลา
และเน้นการส่งข้อมูลผ่านทางอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงปริมาณมากๆ นอกสถานที่
เช่นการ Live Streaming สด ซึ่งด้วยคุณสมบัติของ 4G นี้ แทบจะไม่ดีเลย์เลย
สดคือสด ต่างจาก 3G ที่อาจมีการดีเลย์บ้าง เทคโนโลยี 4G นี้
ในต่างจังหวัดอาจไม่จำเป็น
ต่างจังหวัดก็สามารถใช้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงระดับ 3G ได้
ซึ่งส่วนใหญ่อุปกรณ์ที่มีจำหน่ายในประเทศไทย รองรับ 3G อยู่แล้ว
ส่วนอุปกรณ์ที่รองรับ 4G ยังมีน้อยมากอยู่ และการโทรด้วยเสียงผ่าน 2G ระบบ
GSM ในต่างประเทศเองก็ยังใช้อยู่ และก็จะยังมีให้ใช้อยู่อีกเป็น 10 ปีสำหรับวิวัฒนาการ 3G ในไทย และทำไมจึงต้องประมูลคลื่น 3G ความถี่ 2.1 GHz กัน ประมูลแล้ว จะได้ประโยขน์อะไร? แล้ว 3G ที่มีอยู่ตอนนี้ ต่างจากที่จะประมูลกันอย่างไร อ่านได้ที่ วิวัฒนาการ 3G ในไทย และการเตรียมพร้อมสู่การประมูล 3G คลื่นความถี่ 2100 MHz
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น