วันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Facebook ซื้อกิจการ WhatsApp


ข่าวจากเฟซบุ้ก(Facebook) แจ้งว่า การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ช่วยเสริมศักยภาพด้านการเชื่อมต่อผู้คนและ ประโยชน์การใช้งานด้านต่างๆ ของ Facebook สู่โลกมากขึ้น Facebook ประกาศข้อตกลงในการเข้าซื้อกิจการของ WhatsApp ในวันนี้ ซึ่งนับเป็นบริษัทด้านแพลตฟอร์มการสื่อสารผ่านมือถือที่มีการเติบโตอย่างรวด เร็ว การซื้อกิจการครั้งนี้มีมูลค่าประมาณ 1.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งรวมการจ่ายเป็นเงินสด 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ และจ่ายเป็นหุ้นของ Facebook มูลค่าประมาณ 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ข้อตกลงครั้งนี้ยังรวมถึงการมอบหุ้นแบบจำกัดจำนวนให้แก่ผู้ก่อตั้งและ พนักงานของ WhatsApp เพิ่มอีกเป็นมูลค่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะครอบคลุมเป็นเวลา 4 ปี
"WhatsApp เป็นช่องทางที่เชื่อมต่อกับผู้คนทั่วโลกถึง 1 พันล้านคน การให้บริการที่สามารถเข้าถึงผู้คนได้มากขนาดนี้นับเป็นสิ่งที่มีมูลค่า อย่างมหาศาล ผมรู้จักแจนมาเป็นเวลานาน และก็ตื่นเต้นมากที่ได้ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับเขาและทีมงาน เพื่อร่วมกันเปิดโลกให้กว้างขึ้น และเชื่อมต่อกันมากขึ้น"  มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอและผู้ก่อตั้งเฟซบุ้กกล่าว
เครดิต
เดลินิวส์

Facebook ทุ่มเงิน 19,000 ล้านดอลลาร์ซื้อ WhatsApp 

 

เผย iPhone 6 จะใช้หน้าจอ 4.7 นิ้ว

TechnoCMS
iPhone 6 อัพเดทข่าวล่าสุดกับ TechXcite กลายเป็นกระแสข่าวขึ้นมากันอีกหนึ่งรอบเมื่อเว็บไซต์ Economic Daily News จากประเทศไต้หวันเปิดเผยว่า Apple เตรียมที่จะวางจำหน่าย iPhone รุ่นใหม่ (iPhone 6) ด้วยกันสองขนาดหน้าจอคือ 4.7 นิ้วและ 5.6 นิ้วตามลำดับครับ
ทั้งนี้สำหรับ iPhone 6 จะมีขนาดหน้าจอ 4.7 นิ้วซึ่งก็ต้องถือว่าเป็นการขยับขยายครั้งใหญ่ของ Apple ก็ว่าได้หากพิจารณาจากหน้าจอ iPhone 5s รุ่นปัจจุบันที่มีขนาดเพียง 4 นิ้วเท่านั้น ส่วนรุ่นหน้าจอ 5.6 นิ้วนั้น Apple วางแผนไว้ให้เป็น Phablet หรือสมาร์ตโฟนจอใหญ่ตามสมัยนิยมซึ่งดูเหมือนว่าทาง Apple อาจจะตัดสินใจไม่ใช้ชื่อ iPhone ด้วยซ้ำเพราะมองว่าอุปกรณ์ตัวนี้เป็นรุ่นทางสายกลางพบกันระหว่าง iPhone และ iPad นั่นเอง
อย่างไรก็ตามสำหรับข่าวดังกล่าวยังไม่มีการยืนยันข้อมูลเข้ามานะครับว่ามีข้อเท็จจริงมากน้อยขนาดไหน ซึ่งสาวก Apple ทั้งหลายก็คงต้องรอกันภายในปีนี้นี่แหละครับว่า iPhone 6 จะออกมาอีท่าไหนันแน่ฮะ
เครดิต
 MSN เผยคลิป iPhone ไอโฟน 6 บางที่สุดในโลก ในนาม iPhone Air

วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เอซุส เปิดตัวเมนบอร์ด 5 ตัว ที่ใช้ซ็อกเก็ต FM2+ สำหรับชิป AMD APU รุ่นใหม่

TechnoCMS
ไทเป ไต้หวัน – วันนี้ เอซุส ได้ประกาศเปิดตัวเมนบอร์ดดังต่อไปนี้: A88X-PRO, A88X-PLUS, A88XM-PLUS, A55BM-PLUS และ A55BM-E ที่ออกแบบมาสำหรับ AMD Socket FM2+ APUs (Accelerated Processing Units)
เมนบอร์ดชุดใหม่จาก ASUS นี้เปิดให้ผู้ผลิตพีซีได้ทางเลือกที่จำเป็นในการประกอบคอมพิวเตอร์ที่ สมบูรณ์แบบทั้งการตอบสนองความต้องการและด้านงบประมาณ พร้อมกับเครื่องมือสุดพิเศษที่ทำให้ผู้ผลิตสามารถเรียกพลังออกมาจาก APU บนซ็อกเก็ต FM2+ ตัวใหม่ล่าสุดอย่าง ‘Kaveri’ ได้เต็มที่
นอกจากจะยัง คงรองรับ APU ของ AMD แบบ Socket FM2 เดิม (Richland and Trinity) อยู่ เมนบอร์ด A88X-PRO, A88X-PLUS, A88XM-PLUS, A55BM-PLUS และ A55BM-E ยังรองรับ AMD Kaveri APU ตัวล่าสุดที่ใช้งานร่วมกับ Microsoft DirectX 11.1 ได้สำหรับกราฟิกที่ลื่นไหลและเร็วขั้นสุดยอด มาพร้อมกับการรองรับ PCI Express 3.0 แบบนาทีฟเพื่อให้ส่วนต่อขยายที่ความเร็วเต็มพิกัด ด้วย Socket FM2+ APU ทำให้เมนบอร์ด ASUS ชุดใหม่นี้ยังรองรับความละเอียดระดับ 4K ผ่านการเชื่อมต่อแบบ HDMI และ DisplayPort ด้วย ทำให้สามารถใช้กับจอมอนิเตอร์ที่ให้ความละเอียดสูงพิเศษ (UHD) ที่ 3840 x 2160 พิกเซลหรือมากกว่าได้
มีแค่ ASUS เท่านั้นที่ดึงประสิทธิภาพจาก APU ได้ดีกว่า
เมนบอร์ด ASUS A88X-PRO, A88X-PLUS, A88XM-PLUS, A55BM-PLUS และ A55BM-E ได้นำเทคโนโลยี ASUS Dual Intelligent Processors 4 และ 4-Way Optimization มาอยู่บนแพลตฟอร์ม AMD ซึ่งเป็นเครื่องมือปรับแต่งที่ใช้งานง่ายในการจูนนิ่งเทคโนโลยีทั้ง ASUS TPU (TurboV Processing Unit), EPU (Energy Processing Unit), DIGI+ Power Control และ Fan Xpert 2 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดสัญญาณรบกวนได้เพียงคลิกเดียว
เทคโนโลยี พิเศษอย่าง ASUS GPU Boost ยังทำให้ปลดล็อคความสามารถของ APU สำหรับการโอเวอร์คล็อกการประมวลผลกราฟิกแบบผสาน แม้แต่ non-Black Edition APU ก็ยังยกระดับประสิทธิภาพได้มากถึง 30% ในพริบตาเดียว
เทคโนโลยีล้ำยุค ความสามารถที่ยอดเยี่ยม และเสถียรภาพขั้นสุดยอด
เมนบอร์ด A88X-PRO, A88X-PLUS, A88XM-PLUS, A55BM-PLUS และ A55BM-E จาก ASUS ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีแห่งโลกยุคใหม่ที่ผู้ใช้ต่างคาดหวังจาก ASUS ด้วยอย่างเช่น เทคโนโลยี 5X Protection ที่ปกป้องชิ้นส่วนต่างๆ จากไฟฟ้าลัดวงจร ไฟกระชาก และความเสี่ยงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ 5X Protection ได้รวมเอา ASUS DIGI+ VRM (voltage-regulator module) เพื่อประกันความต่อเนื่องของการจ่ายกระแสไฟไปยังหน่วยประมวลผล และป้องกันการจ่ายกระแสเกินเพื่อไม่ให้เกิดการลัดวงจรจนไปสร้างความเสียหาย แก่แรม รวมถึงมี ElectroStatic-Discharge (ESD) Guards และ Corrosion-Resistant Input/Output (I/O) Shields ซึ่งเป็นการผสานเทคโนโลยีที่ให้ความทนทานและเสถียรภาพที่ดีที่สุด
ส่วน ฟีเจอร์ USB 3.0 Boost ที่มาพร้อมโหมด UASP ช่วยเร่งความเร็วของ USB 3.0 ที่เร็วอยู่แล้วให้ก้าวขึ้นไปอีก พร้อมคำสั่งการเพิ่มประสิทธิภาพการส่งต่อข้อมูลแบบอัจฉริยะที่ลดเวลาในการ รับส่งข้อมูลให้สั้นเข้าไปได้อีก ทำได้ดีกว่าเมนบอร์ดตัวอื่นในตลาด เมนบอร์ด ASUS ชุดใหม่นี้ยังรวมเอา UEFI BIOS ที่ใช้งานง่ายมาก ให้อินเทอร์เฟซกราฟิกที่เป็นมิตร ทำให้ผู้ใช้ตั้งค่าชอร์ทคัทและเมนูโปรดสำหรับการเข้าถึงออพชั่นที่ใช้งาน บ่อยได้อย่างรวดเร็ว
คุณสมบัติผลิตภัณฑ์
ASUS A88X-PRO
•    DIMM 4 สล็อต
•    PCIe 3.02/2.0 3×16 สล็อต
•    มีพอร์ต DisplayPort, HDMI, DVI, RGB
•    SATA 6Gbit/s 6 พอร์ต
•    eSATA 6Gbit/s 2 พอร์ต
•    USB 3.0 6 พอร์ต
•    USB 2.0 10 พอร์ต
•    เป็นโครงสร้างแบบ ATX
ASUS A88X-PLUS
•    DIMM 4 สล็อต
•    PCIe 3.02/2.0 2×16 สล็อต
•    มีพอร์ต HDMI, DVI, RGB
•    SATA 6Gbit/s 8 พอร์ต
•    USB 3.0 4 พอร์ต
•    USB 2.0 10 พอร์ต
•    เป็นโครงสร้างแบบ ATX
ASUS A88XM-PLUS
•    DIMM 4 สล็อต
•    PCIe 3.02/2.0 2×16 สล็อต
•    มีพอร์ต HDMI, DVI, RGB
•    SATA 6Gbit/s 8 พอร์ต
•    USB 3.0 4 พอร์ต
•    USB 2.0 10 พอร์ต
•    เป็นโครงสร้างแบบ Micro-ATX
ASUS A55BM-PLUS
•    DIMM 4 สล็อต
•    PCIe 3.02/2.0 2×16 สล็อต
•    มีพอร์ต HDMI, DVI, RGB
•    SATA 3Gbit/s 6 พอร์ต
•    USB 3.0 2 พอร์ต
•    USB 2.0 10 พอร์ต
•    เป็นโครงสร้างแบบ Micro-ATX
ASUS A55BM-E
•    DIMM 2 สล็อต
•    PCIe 3.02/2.0 1×16 สล็อต
•    มีพอร์ต DVI, RGB
•    SATA 3Gbit/s 6 พอร์ต
•    USB 2.0 8 พอร์ต
•    เป็นโครงสร้างแบบ Micro-ATX
1    คุณสมบัติและสต็อคผลิตภัณฑ์อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วง หน้า และอาจแตกต่างกันในแต่ละประเทศ ประสิทธิภาพที่ได้จริงอาจแตกต่างขึ้นกับแอพพลิเคชั่น การใช้งาน สภาพแวดล้อม และปัจจัยอื่นๆ
2    เฉพาะสำหรับ AMD FM2+ Processor เท่านั้น
สามารถดูรายละเอียดคุณสมบัติฉบับสมบูรณ์ได้ที่ http://www.asus.com/microsite/2013/MB/kaveri

กองทัพสหรัฐฯ เตรียมทดสอบชุดเกราะ “iron man” ในเดือนมิถุนายนนี้

TechnoCMS
หลายๆ คนคงเคยได้มีโอกาสชมภาพยนต์แนว Sci-Fi อย่าง Iron Man ที่ถูกหยิบมาสร้างให้เป็นภาพยนต์จากการ์ตูนของค่าย Marvel โดยเนื้อหาของเรื่องจะเน้นไปที่การต่อสู้กับเหล่าอาชญากรของพระเอกหนุ่ม Tony Stark ด้วยชุดเกราะ Iron man ที่เขาสร้างและพัฒนาขึ้นมาด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่และสั่งงานด้วยคอมพิวเตอร์ อัจฉริยะนามว่า “Javis” และตอนนี้สิ่งเหล่านี้กำลังจะเกิดขึ้นจริงแล้ว เมื่อกองทัพสหรัฐฯ กำลังเตรียมทดสอบชุดเกราะ “Iron man” ในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้แล้ว
โดยชุดเกราะ Iron man ดังกล่าวเป็นชุดเกราะต้นแบบที่ทางกองทัพสหรัฐฯ เลียนแบบมาจากชุดเกราะในหนังเรื่อง Iron man และจะใช้ชื่อว่า TALOS หรือ Tactical Assault Light Operator Suit โดยมีวัตถุประสงค์มุ่งเน้นไปที่การปฏิบัติภารกิจพิเศษทางการทหาร ซึ่งภายในชุดเกราะจะมีการนำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์, จอมอนิเตอร์เพื่อตรวจวัดระดับสุขภาพร่างกายของผู้ใส่, มีวัสดุของชุดเกราะเป็นของเหลวที่เป็นสถานะเป็นแข็งได้ไม่กี่วินาทีทำให้ผู้ สวมใส่สามารถเดินฝ่ากองทัพกระสุนได้อย่างสบาย ทั้งหมดนี้พัฒนาขึ้นมาโดย MIT  และมีกำหนดการทดสอบครั้งแรกในเดือนมิถุนายนปีนี้และกำหนดใช้งานจริงใน ภารกิจพิเศษทางการทหารภายในปี 2018
TechnoCMS
เป็น อีกหนึ่งนวัตกรรมเทคโนโลยีที่น่าจับตามองไม่น้อยกับชุดเกราะ Iron man ที่เริ่มต้นจากการ์ตูนมาสู่ภาพยนต์และกำลังจะเกิดขึ้นจริง ส่วนต้องใช้ปฏิกรอาร์คแบบในหนังด้วยไหมนั้นหรือไม่ เราคงต้องรอติดตามอีกครั้งในวันใช้งานจริงของกองทัพสหรัฐฯ
ที่มา msn
5 Feb 2014

วงในบอกป๋า Samsung Galaxy S5 เริ่มขายในไทยเดือนมีนาคมนี้เลย!

TechnoCMS
Android อัพ เดทข่าวล่าสุดกับ ป๋าเอก TechXcite รู้แล้วเหยียบกันให้แซ่ดได้เลยครับกับข่าวนี้ที่วงในของผม (ขอสงวนชื่อเพื่อความปลอดภัย) เปิดเผยกับ TechXcite ว่า Samsung Galaxy S5 ว่าที่สมาร์ตโฟน Android ระดับเรือธงรุ่นต่อไปจากค่าย Samsung จะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศ ไทยอย่างไวเวอร์คือภายในเดือนมีนาคมที่จะมาถึงนี้เลยครับ
ทั้งนี้สำหรับ Samsung Galaxy S5 มี กำหนดการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2557 นี้ (TechXcite รายงานสดเช่นเคย) ซึ่งหากว่า Samsung Galaxy S5 เข้ามาขายในไทยในเดือนมีนาคมจริงก็ต้องถือว่าในคราวนี้ Samsung "เปิดเกมส์เร็ว" ไม่รอช้าให้ชาวไทยต้องรอนานกันอีกแล้วฮะ เอาเป็นว่าถ้ามีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับ Samsung Galaxy S5 เข้ามาอีกเมื่อไหร่เราจะมาแจ้งให้ทราบฮะ
ปล. ภาพด้านบนไม่ใช่ Samsung Galaxy S5 ตัวจริงนะเอ้อ
ทีมา smn  
15 Feb 2014

วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ถ่ายเชลฟี่ให้ดูดี

คิดออกกันไหมว่า ชีวิตที่ไม่มีโซเชียลมีเดียจะเป็นอย่างไร ในแต่ละวันผู้คนมากมายใช้ชีวิตผูกพันอยู่กับสมาร์ทโฟน และอินเทอร์เน็ต ดารานักแสดง คนมีชื่อเสียงหรือแม้กระทังคนธรรมดาอย่างเราๆก็อัพเดท สเตตัสส่วนตัว ถ่ายภาพ เช็คอินสถานที่ตลอดทั้งวันอย่างสนุกสนาน
เทรนด์หนึ่งที่กำลัง เป็นที่นิยมกันทั่วโลก รวมถึงคนไทยที่รักการถ่ายรูปลงโซเชียลมีเดียเป็นชีวิตจิตใจ คือ การถ่ายภาพตัวเองและอัพโหลดขึ้นโซเชียลมีเดียหรือที่ภาษาอังกฤษเรียกกันว่า “เซลฟี่” (Selfies)
ลองถามตัวเองว่าถ่ายรูปเซลฟี่แล้วอัพลงเฟซบุ๊กครั้งล่าสุดเมื่อไหร่
ผล สำรวจจาก Opinium บริษัท ออนไลน์ รีเสิร์ชจากลอนดอน ระบุว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม 51 % เคยถ่ายเซลฟี่ซึ่งเมื่อนำตัวเลขมาคำนวณแล้วในแต่ละเดือนมีผู้ถ่ายภาพเซลฟี่ มากถึง 35 ล้านภาพ
ภาพเซลฟี่ประมาณ 48 % จะแชร์ลงเฟซบุ้ก มีเพียง 13 % ที่ถ่ายแล้วส่งให้คนรู้จักชมภาพผ่าน วอชแอพ (what’sapp ) อีก9 % ถ่ายลงทวิตเตอร์ ( Twitter ) และ8 % ถ่ายลงอินสตราแกรม( Instagram )
เลอโนโว ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนได้แนะนำเคล็ดลับถ่ายภาพตัวเอง หรือเซลฟี่ ให้สวยงาม ในสถานการณ์ต่าง ๆ
เช่น ถ่ายเซลฟี่กลางแจ้ง วิวหาดทรายสะท้อนแสงแดดระยิบระยับและวิวภูเขากว้างไกลสุดลูกหูลูกตาคงเป็น วิวที่คุ้นเคยกันอยู่บ่อยๆเวลาถ่ายภาพ แต่จะถ่ายให้ออกมาได้สวยในที่กลางแจ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโทรศัพท์นั้นไม่ง่าย เพราะแสงจ้าทำให้ภาพดูซีดจาง เป็นเงาและยังต้องหรี่ตาทำหน้ายู่ยี่สู้แสงทิปง่ายๆเพื่อแก้ปัญหาเมื่อต้อง ถ่ายภาพกลางแจ้งคือ
ในสถานการณ์ที่ต้องถ่ายภาพเคลื่อนไหวกลาง แจ้งควรหลีกเลี่ยงการถ่ายภาพใต้แสงอาทิตย์โดยตรงโดยมองหามุมที่ร่ม ถ้าไม่ได้จริงๆ ให้ใช้วัตถุรอบตัวเช่นร่ม หมวก มือหรือแม้กระทั่งใส่แว่นกันแดด เพื่อจะได้ไม่ต้องหรี่ตาเวลาถ่ายภาพ หรือหาพร็อพเช่น ดอกไม้สีสดมาประดับเพื่อดึงดูดความสนใจไปที่วัตถุแทน
ถ้า ถ่ายภาพเซลฟี่ในมุมที่แบ็คกราวด์ด้านหลังไม่มีการเคลื่อนไหวก่อนถ่ายควรลอง หามุม โดยขยับกล้องไปในหลายๆ ทิศเพื่อให้ได้มุมที่เป็นธรรมชาติภาพไม่แข็งทื่อ อาจลองถือโทรศัพท์ถ่ายในมุมย้อนขึ้นหรือถือเครื่องในมุมสูงเหนือศีรษะ และถ่ายย้อนลงอย่าลืมว่ารูปที่ถ่ายในแต่ละมุมจะถ่ายทอดแสง เงาตกกระทบและสีสันรวมถึงความรู้สึกที่ต่างกัน
การถ่ายภาพนอกสถานที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในที่ที่มีแสงจ้าเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเพราะหน้าจอโทรศัพท์ กลางแจ้งนั้น มองไม่ค่อยเห็น ไม่สามารถคำนวณได้ว่า ภาพที่ถ่ายนั้นมีสว่างหรือมืดเกินไปหรือไม่ แต่ในระยะหลัง จอสมาร์ทโฟนคุณภาพ ดี ๆ เช่น จอไอพีเอส กอริลล่า กลาส นอกจากจะป้องกันรอยขีดข่วนยังสามารถมองกลางแจ้งได้คมชัดขึ้น เวลาถ่ายภาพกลางแจ้งให้สนใจรายละเอียดของแสงและเงา ก็จะได้ภาพสวยๆ อีกอารมณ์
ถ่ายเซลฟี่หลังตื่นนอน เชื่อว่าหลายคนทำแบบนี้บ่อย ๆ การถ่ายภาพเซลฟี่โชว์ความสวยหล่อแบบธรรมชาติหลังตื่นนอนในคืนที่ได้พักผ่อน อย่างเต็มที่นั้นคงเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ยาก แต่หากต้องถ่ายภาพเซลฟี่หลังจากตะลุยปาร์ตี้ทำให้นอนไม่เต็มอิ่มล่ะเคล็ดลับ ก็คือ ใช้มือขย้ำผมฟูๆแสนเซ็กซี่หลังตื่นนอนให้ฟูยิ่งขึ้นไปอีก เพราะผมฟูๆจะช่วยให้หน้า ดูบวมน้อยลงทั้งยังช่วยดึงดูดความสนใจไปที่ผมแทน เพิ่มเลือดฟาดสีชมพูระเรื่อบนใบหน้าด้วยการหยิกที่แก้มเบาๆแล้วฉีกยิ้ม จากนั้นก็ถ่ายแล้วแชร์ภาพเซลฟี่หลังตื่นนอนแบบสวยธรรมชาติ
ถ้าจะให้เก๋กว่าเดิมก็อย่าลืมใส่hashtag ใต้ภาพอย่าง #ตื่นมาก็เซ็กซี่เลยหรือ #สวยแบบไม่ปรุงแต่ง
ถ้าวิธีแรกยังไม่ได้ผล ให้ใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย โหลดแอพลิเคชั่นเกี่ยวกับการตกแต่งภาพที่มีมากมายแค่นี้ก็สวยด้วยแอพ ได้
ปัญหา อย่างหนึ่งที่ทำให้ช่างภาพมืออาชีพยังต้องกังวลคือการถ่ายภาพในที่ที่มีแสง น้อยและเป็นที่ทราบกันดีว่ายิ่งหากใช้กล้องมือถือด้วยแล้ว การถ่ายภาพในที่ที่มีแสงน้อยยิ่งยากเป็นสองเท่าวันนี้เรามีเคล็ดลับการถ่าย เซลฟี่ในที่ที่แสงน้อยมาบอกกัน
หากแสงน้อยต้องใช้แฟลชมั๊ย คำตอบคือ ไม่จำเป็นเสมอไป หากยืนอยู่ไกลจากเวทีคอนเสิร์ต และมีคนนับร้อยใช้แฟลชถ่ายภาพเหมือนกันไม่ว่าเราจะใช้แฟลชหรือไม่ภาพที่ออก มาก็ไม่ต่างกัน ดีไม่ดีอาจทำให้เกิดเงาสะท้อนในภาพ ถ้าถ่ายไปโดนสติกเกอร์หรือป้ายที่สะท้อนแสง
ในทางกลับกันหากคุณยืน อยู่ใกล้เวทีและใช้แฟลชถ่ายภาพแฟลชจะทำให้ศิลปินหรือจุดกลางของภาพสว่างขึ้น แต่ในเวลาเดียวกันก็ทำให้แบ็คกรานวด์ด้านหลังภาพดำจนเกินไปจนมองไม่เห็น บรรยากาศโดยรอบ
คำแนะนำคือ หากอยู่ในผับ หรืองานคอนเสิร์ต ให้พึ่งแสงสว่างจากสปอตไลท์ ยิ่งเข้าไปใกล้ศิลปินเพื่อให้กล้องสามารถโฟกัสได้มากเท่าไหร่ก็จะยิ่งทำให้ ภาพออกมาได้บรรยากาศที่เป็นธรรมชาติมีมุมที่สวยงามมากขึ้นเท่านั้น
สุดท้ายเป็นเคล็ดลับถ่ายภาพตัวเองที่ผู้หญิงต้องจำให้แม่น การเลือกแบ็คกราวน์ในการถ่ายภาพ
อย่าให้มีสิ่งเหล่านี้อยู่เป็นแบ็คกราวด์อยู่ในภาพของเราผู้หญิงที่สวยกว่า ผู้หญิงที่สูงกว่า และผู้หญิงที่เซ็กซี่กว่า
อาจจะดูใจร้ายแต่มันจำเป็น
ที่มา เดลินิวส์
วันจันทร์ 10 กุมภาพันธ์ 2557

โรค เชลฟี่ โจ๋ไทยเสพติด โพสรูปแลกกดไลน์ แฉขาดความมั่นใจ

        
โรค เชลฟี่ โจ๋ไทยเสพติด โพสรูปแลกกดไลน์ แฉขาดความมั่นใจ

ถ่ายรูปตัวเองโพสต์แลกกดไลค์ แสดงความคิดเห็น จิตแพทย์ระบุควรทำแค่บางโอกาส มากไปเป็นสัญญาณเตือนถึงการขาดความมั่นใจในตัวเอง อาจส่งผลถึงอนาคตกลายเป็นคนโลเล ชอบจับผิดคนอื่น ขี้อิจฉา
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต ให้ สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้คนทั่วโลกนิยมใช้สื่อสังคมออนไลน์มากขึ้น ข้อมูลจากสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทาง อิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) สำรวจการใช้สื่อสังคมออนไลน์ ในปี 2556 พบว่า ทั่วโลกมีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กกว่า 1 พันล้านคนต่อเดือน ใช้งานอินสตาแกรมมากกว่า 1 ร้อยล้านคนต่อเดือน ส่วนในประเทศไทยพบ ว่ามีประชาชน ใช้เฟซบุ๊กถึง 19 ล้านคน ใช้อินสตาแกรม ถึง 8 แสนคนต่อวัน และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉลี่ยแล้วเพิ่มขึ้นเดือนละ 10 ล้านคน
พญ.พรรณพิมล กล่าวต่อว่า เรื่องที่น่าห่วงขณะนี้ พบว่าประชาชนทั้งชายและหญิง โดยเฉพาะวัยรุ่นนักเรียน นักศึกษา นิยมพฤติกรรมที่เรียกว่า เซลฟี่ (selfie) กันมาก คือ ถ่ายรูปตัวเองในอิริยาบถต่าง ๆ แล้วนำไปเผยแพร่บนเครือข่ายสังคมออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ไม่ว่าจะทำอะไร ไปที่ไหน หรือกินอะไร เพื่อให้เพื่อนในสังคมออนไลน์ทั้งที่รู้จักจริง และรู้จักในสังคมออนไลน์ได้รับรู้มากดไลค์ (Like) ถูกใจในรูปภาพ พฤติกรรมเช่นนี้อาจส่งผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพจิตในอนาคตได้โดยเฉพาะเรื่อง ความเชื่อมั่นหรือความมั่นใจในตนเอง ซึ่งจะมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และส่งผลต่ออนาคต การงาน และการพัฒนาประเทศอย่างคาดไม่ถึง
“เซลฟี่ จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล การ ลงรูปเพราะอยากได้การตอบรับจากสังคม และการได้ยอดกดไลค์ ถือว่าเป็นรางวัล ซึ่งเป็นหลักปกติของมนุษย์ทั่วไป ถ้าอะไรที่ทำแล้วได้รางวัลก็จะทำซ้ำแต่ว่ารางวัลของแต่ละบุคคลมีผลกระทบต่อ ความรู้สึกไม่เท่ากันบางคนลงรูปไปแล้วได้แค่สองไลค์เขาก็มีความสุขแล้วเพราะ ถือว่าพอแล้ว แต่บางคนต้องให้มียอดคนกดไลค์มาก ๆ พอมากแล้วก็ยิ่งติดเพราะถือว่าเป็นรางวัล ในทางตรงกันข้ามหากได้รับการตอบรับน้อยไม่เป็นอย่างที่คาดหวังไว้ ทำใหม่แล้วก็ยังไม่ได้รับการตอบรับจะส่งผลต่อความคิดของตัวเอง บุคคลนั้นสูญเสียความมั่นใจและส่งผลต่อทัศนคติด้านลบของตัวเองได้ เช่น ไม่ชอบตัวเอง ไม่พอใจรูปลักษณ์ตัวเอง แต่หากบุคคลนั้นสามารถรักษาความสัมพันธ์กับคนรอบข้างให้เป็นปกติได้ เซลฟี่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต” พญ.พรรณพิมล กล่าว
พญ.พรรณพิมล กล่าวต่อว่า นักจิตวิทยาในสหรัฐอเมริกาได้ให้ข้อคิดว่า เซลฟี่ สามารถกัดกร่อนความมั่นใจความภาคภูมิใจในตัวเองได้ หากถ่ายรูปตัวเองเผยแพร่บนโลกออนไลน์เป็นบางโอกาส ถือเป็นการมีส่วนร่วมในสังคมออนไลน์ แต่หากมากไปและคาดหวังจดจ่อว่าจะมีใครเข้าดู เข้ามาแสดงความคิดเห็น แสดงว่าเซลฟี่กำลังสร้างปัญหา และ เป็นสัญญาณหนึ่งบอกถึงการขาดความมั่นใจในตัวเอง ล่าสุดสาธารณสุขประเทศอังกฤษได้ออกมาประกาศว่า อาการเสพติดโซเชียลมีเดีย เช่น เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ ถือเป็นโรคอย่างหนึ่ง ในแต่ละปีมีชาวอังกฤษเข้ารับการบำบัดมาก กว่า 100 ราย
พญ.พรรณ พิมล กล่าวอีกว่า ความมั่นใจในตัวเองเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนทุกคน เพราะจะทำให้คนพอใจในตัวเอง มีความสุข มีสมาธิ ไม่กังวล ไม่โหยหาความรักและความสนใจจากคนอื่น ๆ กล้าทำในสิ่งใหม่ที่เหมาะสม มีความเป็นผู้นำกล้าเผชิญความจริง มีบุคลิกภาพดีเป็นมิตรกับคนทุกคน หากขาดความมั่นใจในตนเองแล้วจะเกิดความกังวล ลังเล ชีวิตไม่มีความสุข เมื่อมีความคิดสะสมไปเรื่อย ๆ อาจมีความผิดปกติทางจิตใจอารมณ์ได้ง่าย เช่น หวาดกลัวหวาดระแวง เครียดอิจฉา ชอบจับผิดคนอื่น ซึมเศร้า อาจทำพฤติกรรมแปลก ๆ มีลักษณะตรงข้ามกับความมั่นใจตัวเอง เช่น การแต่งกาย การใช้คำพูด หรือประชดชีวิต เช่น ดื่มสุรา ใช้ยาเสพติด เป็นต้น
รองอธิบดี กรมสุขภาพจิต กล่าวด้วยว่าหากเยาวชนไทยเป็นผู้ที่ขาดความมั่นใจ จะทำให้ไม่กล้าลงมือทำสิ่งใหม่ในชีวิต มักทำตามคนอื่น เป็นผู้ลอกเลียนแบบ หรือทำซ้ำ ๆ ในสิ่งที่ทำมาแล้ว พัฒนาตนเองยาก มีผลต่อการพัฒนาประเทศในอนาคต ทำให้จำนวนผู้นำน้อยลง ครอบครัวขาดเสาหลักที่มั่นคง โอกาสการสร้างหรือพัฒนานวัตกรรมสร้างสรรค์ต่าง ๆ เป็นไปได้ยากขึ้น ส่วน วิธีป้องกันการเสพติดเซลฟี่ และการสร้างความมั่นใจตัวเองบนโลกความเป็นจริง ต้องให้ความสำคัญกับคนรอบข้างที่เป็นสิ่งแวดล้อมจริงในชีวิตประจำวัน หากิจกรรมยามว่างทำกับคนในครอบครัว เพื่อน ๆ เช่น ออกกำลังกาย ดูหนัง ฟังเพลง และ ข้อสำคัญให้ยอมรับในความแตกต่างของคน ที่ไม่เท่ากัน ไม่เหมือนกัน และที่สำคัญต้องฝึกความอดทนให้กับตัวเอง เพราะการถ่ายเซลฟี่ไม่สามารถที่จะทำได้ตลอดเวลา ครั้งไหนที่ทำไม่ได้ต้องยอมฝืนใจที่จะไม่ทำ หากผ่านจุดนั้นไปได้ ในครั้งต่อ ๆ ไป ก็จะสามารถควบคุมพฤติกรรมการถ่ายเซลฟี่ได้เช่นกัน.
ที่มา เดลินิวส์
จันทร์ 10 กุมภาพันธ์ 2557

ไมโครซอฟท์ได้ซีอีโอคนใหม่ หนุ่มอินเดีย


ไมโครซอฟท์ได้ซีอีโอคนใหม่แล้ว สัตยา นาเดลลา ชาวอินเดีย ผู้อยู่เบื้องหลัง ความสำเร็จระบบคลาวด์ของไมโครซอฟท์ เผยจะใช้เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนในทางที่ดีขึ้น
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ ได้ประกาศว่า บอร์ดของไมโครซอฟท์ ได้มีมติแต่งตั้ง นายสัตยา นาเดลลา รองประธานบริหารกลุ่มผลิตภัณฑ์คลาวด์และเอนเตอร์ไพรส์ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการบริหารคนล่าสุดของบริษัท ต่อจากสตีฟ บัลเมอร์ ที่ขอลงจากตำแหน่ง
บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริหารไมโครซอฟท์ กล่าวถึงซีอีโอคนใหม่ ว่า ไม่มีใครเหมาะสมเท่า สัตยา นาเดลลา ที่จะพาไมโครซอฟท์ก้าวผ่านช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงในขณะนี้ สัตยาได้พิสูจน์ตัวเองในฐานะผู้นำ ด้วยทักษะทางด้านวิศวกรรม    มุมมองทางธุรกิจ และความสามารถในการรวมคนในองค์กรเข้าไว้ด้วยกัน วิสัยทัศน์   ของเขาในการนำเทคโนโลยีมาใช้และสร้างประสบการณ์ให้กับผู้คนทั่วโลก สอดคล้องกับสิ่งที่ไมโครซอฟท์มองหาในการที่จะก้าวสู่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ในการสร้างนวัตกรรมและการเติบโตไปข้างหน้า
สตีฟ บัลเมอร์ อดีตซีอีโอ กล่าวว่าได้ร่วมงานกันมานานกว่า 20 ปี สัตยาคือผู้นำที่เหมาะสมที่สุดสำหรับไมโครซอฟท์ในเวลานี้
สำหรับซีอีโอคนใหม่ของไมโครซอฟท์ร่วมงานกับไมโครซอฟท์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535  เป็นบุคคลสำคัญในการนำกลยุทธ์และสร้าง การเปลี่ยนแปลงด้านเทคนิคให้กับผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ ของไมโครซอฟท์  โดยการเปลี่ยนแปลงที่โดดเด่นและมีความสำคัญมาก คือ การก้าวสู่ยุคของคลาวด์ และได้พัฒนาหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานสำหรับเทคโนโลยี  คลาวด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อรองรับผลิตภัณฑ์อย่าง บิง เอ็กซบ็อกซ์ และออฟฟิศ (Bing, Xbox, Office)  และบริการสร้างผลงานที่โดดเด่น และมีส่วนแบ่งทางการตลาดเหนือคู่แข่งรายอื่น ๆ
ไมโครซอฟท์ยังได้ประกาศการเปลี่ยน แปลงบทบาทของ บิล เกตส์ จากตำแหน่งประธานคณะกรรมการผู้บริหารมาเป็นผู้ก่อตั้งและที่ปรึกษาด้าน เทคโนโลยี ซึ่ง บิล เกตส์ จะอุทิศเวลาให้กับไมโครซอฟท์มากขึ้นเพื่อสนับสนุนสัตยาในการกำหนดทิศทางด้าน เทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ของบริษัท โดยมี จอห์น ทอมป์สัน ดำรงตำแหน่งประธานบอร์ดผู้บริหารแทนที่บิล เกตส์.
.................................................
คุยกับ สัตยา นาเดลลา
ใช้เวลาช่วงเช้าวันละ 15 นาที เรียนออนไลน์
สัตยา นาเดลลา อายุ 46 ปี เกิดที่เมือง ไฮเดอราบัด ประเทศอินเดีย เขาหลงใหลการเล่นกีฬาคริกเก็ตเป็นชีวิตจิตใจ และยังเป็นนักกีฬาในทีมของโรงเรียน
“การเล่นคริกเก็ต สอนให้เราทำงานเป็นทีม และยังฝึกความเป็นผู้นำ ซึ่งทักษะเหล่านี้ได้ติดตัวมาตลอดการทำงานของผม”
สัตยา นาเดลลา บอกว่า ชอบสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ วิทยาการคอมพิวเตอร์คือสิ่งที่เขาตามหา แต่ความใฝ่ฝันนี้ยังไม่ถูกเติมเต็ม เมื่อเขาเข้าศึกษาระดับปริญญาตรี ที่มหา วิทยาลัยบังกาลอร์ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า
“เป็นโอกาสที่ดีสำหรับผมในการออกไปค้นหาว่าอะไรคือสิ่งที่ตัวเองหลงใหล”
สัตยา ศึกษาต่อระดับปริญญาโทด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ ที่มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน มิลวอกี สหรัฐอเมริกาตามด้วยปริญญาโททางด้านการบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยชิคาโก
“ผมชอบที่จะเรียนรู้” ความตื่นเต้นของผม คือ การได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากสถานที่ที่เราไปเยือน การเรียนรู้จากผู้คนที่เราได้พบปะพูดคุย การเรียนรู้จากการทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยวิธีการใหม่ ๆ ถ้าคุณไม่เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ นั่นหมายถึงคุณปฏิเสธที่จะทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ดังนั้น  สิ่งที่นิยามความเป็นตัวผมได้ดี คือ ครอบครัว ความสงสัยใคร่รู้ และความกระหายในการหาความรู้”
ที่น่าทึ่งก็คือ สัตยามักใช้เวลาในการลงทะเบียนเรียนทางออนไลน์ เขายอมรับว่า
“มันเป็นความบ้าในช่วงเวลา 15 นาที ในช่วงเช้าของผม คุณเชื่อมั้ย ผมพยายามที่จะศึกษาในเรื่องใหม่ ๆ อย่าง ประสาทวิทยา แน่นอน...ผมก็ถามตัวเองอยู่เหมือนกันว่าผมทำไปเพื่ออะไร แต่ก็ตอบตัวเองว่า มันเป็นสิ่งที่ผมรัก”
สัตยาเริ่มต้นการทำงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่เทคนิค ที่ ซัน ไมโครซิสเต็มส์ จากนั้น ในปี พ.ศ. 2535 จึงเข้าทำงานที่ไมโครซอฟท์ ในขณะที่กำลังศึกษาปริญญาโททางด้านธุรกิจอยู่ที่มหาวิทยาลัยชิคาโก เป็นช่วงเวลาเดียวกันที่บริษัทฯ  ได้พัฒนาระบบปฏิบัติการ Windows NT และกำลังมองหาทีมงานที่มีความรู้เกี่ยวกับ  UNIX และระบบปฏิบัติการ 32 บิท เขาต้องการทำสองอย่างพร้อมกัน ทั้งเรียนปริญญาโท และงานที่ไมโครซอฟท์ และเขาก็ทำมันได้สำเร็จทั้งสองอย่าง
สัตยาได้ส่งอีเมลถึงพนักงานไมโครซอฟท์ทุกคนว่า
“ผมมาทำงานที่ไมโครซอฟท์ ด้วยเหตุผลเดียวกันกับทุกคน คือ ความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงโลกด้วยเทคโนโลยีซึ่งเติมเต็มพลังให้ผู้คน และสร้างสรรค์สิ่งมหัศจรรย์ มีบริษัทอีกมากมายที่ปรารถนาจะเปลี่ยนแปลงโลก แต่มีเพียงไม่กี่บริษัทที่มีความพร้อมทั้งความสามารถ ทรัพยากร และความมุ่งมั่น ไมโครซอฟท์ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เรามีคุณสมบัติที่ครบถ้วนสมบูรณ์เหล่านั้น”.
ที่มา เดลินิวส์
พุธ 12 กุมภาพันธ์ 2557