วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

โอบาม่า (ข่าวไม่ไอที ....)


ภาพประวัติศาสตร์ : มหาจุฬาฯภูมิใจในตัวท่าน
.........................................................
เสียงเล่าลืออื้ออึงไปถึงฟ้
โอบาม่าเยือนนามสยามถิ่น
โจทย์โยมถึงพระก้องปฐพิน

สื่อได้ยินถึงชั้นสวรรค์ครื
................................
เฝ้าเหนือหัวทัวร์อารามแวะถามรัฐ
ทานข้าวผัดปูนิ่มยิ้มระรื่น
บอกยิ่งรักประเทศไทยไม่อยากคืน
แต่จำฝืนเข้าเมียนม่าร์ข้ามฟ้าบิน
....................................
ภาพผู้นำโอบาม่าเข้าหาพระ
ฟังวาทะเอกสงฆ์คงถวิล
สำเนียงเหน่อถ้อยสุพรรณ..ครั้นได้ยิน
หนุ่มผิวนิล..เยสรับ...ประทับใจ
.......................................
เจ้าคุณพระสุธีธรรมานุวัตร
ท่านเจนจัดหลักธรรมนำสมัย
คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย
จารึกไว้ในประวัติบรรทัดทอง
.....................................
เจ้าคุณเทียบเปรียบตัวแทนแคว้นสยาม
รู้ในนามสังฆังชื่อดังก้อง
สง่างามเชตุพนคนเฝ้ามอง
โลกยกย่องสงฆ์สยามอร่ามเรือ
...................................
คงเป็นบุญวาสนาโอบาม่า
ที่ได้มาแดนภิรมย์ร่มผ้าเหลือง
มองเห็นยักษ์ข้างวัดคล้ายขัดเคือง
คงเพราะเนื่อง..โอบาม่า..มาไม่นวด
.............................ช.ศรีนอก (๑๙/๑๑/๕๕)
ที่มา http://www.facebook.com/photo.php?fbid=300041700097526&set=a.225950414173322.38205.100002750967703&type=1&theater
-------------------------------------------------------------------------------------


เป็น ครั้งแรกที่ผู้นำสหรัฐอเมริกา ประธานาธิบดีบารัค โอบามา มาเยือนไทยอย่างเป็นทางการภายหลังชนะการเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ในฐานะแขกของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ใน ห้วงเวลาที่อาเซียนกำลังเป็นภูมิภาคที่หอมหวานยิ่งนัก ซึ่งหลังจากผู้นำสหรัฐมาเยือนแล้ว ยังมีผู้นำจีนที่รอจ่อคิวมาเยือนไทยอีก แทบทุกอิริยาบถของนายบารัค โอบามา ไม่ว่าจะขยับไปตรงไหน จึงเป็นที่จับจ้อง

เมื่อ พญาอินทรีร้องขอทัวร์วัดโพธิ์ สายตาทุกคู่จึงพุ่งเป้าไปที่ผู้จะมาทำหน้าที่มัคคุเทศก์นำชมให้กับ ประธานาธิบดีสหรัฐ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแห่งสหรัฐ นางฮิลลารี คลินตัน

"พระสุธีธรรมานุวัตร หรือ เจ้าคุณเทียบ คือผู้ที่ได้รับเกียรติให้ทำหน้าที่นี้

ไม่ เพียงความคล่องแคล่ว เชี่ยวชาญการใช้ภาษาอังกฤษสื่อสาร เป็นตัวแทนคนไทยรับรองแขกบ้านแขกเมืองได้อย่างน่าชื่นชม ปฏิภาณที่โต้ตอบกับนางฮิลลารี คลินตัน ยังได้ใจคนไทยทั้งประเทศไปเต็มๆ

"ตอน ที่ฮิลลารี คลินตัน บอกว่าทางวัดได้ค่าผ่านประตูเยอะ น่าจะบริจาคให้กับมูลนิธิที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ดูแล ตอนนั้นมันเป็นจังหวะ นี่ถ้าให้มาอีกรอบ อาจจะไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้ เพราะระหว่างที่รอท่านประธานาธิบดี อาตมาได้คุยกับท่านฮิลลารีจนรู้สึกสนิทสนม และผ่อนคลาย จึงได้พูดออกไปเช่นนั้น คือเหตุการณ์มันพาไป" เจ้าคุณเทียบย้อนเรื่องให้ฟังอย่างอารมณ์ดี

เพียง ไม่กี่นาทีของการแพร่ภาพการนำประธานาธิบดีสหรัฐชมวัดโพธิ์ ทำให้พระพระสุธีธรรมานุวัตร เป็นคนดังไปทั่วโลกชั่วข้ามคืน เพราะหลังจากนั้นมีสื่อจากต่างประเทศและสื่อไทย รายการโทรทัศน์-วิทยุ หนังสือพิมพ์ จองตัวสัมภาษณ์ เรียกว่าหัวบันไดไม่แห้ง
พระ สุธีธรรมานุวัตร เกิดเมื่อวันที่ 27 เมษายน พ.ศ.2504 บรรพชาเป็นสามเณร ตั้งแต่อายุ 11 ปี ที่วัดกกม่วง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ให้หลัง 2 ปีได้เข้าศึกษาต่อทางพระพุทธศาสนา ที่วัดสองพี่น้อง จังหวัดเดียวกัน ได้ ปธ.7 จากนั้นเข้าอุปสมบทเป็นภิกษุสงฆ์ และอยู่ในความดูแลของหลวงเตี๋ย พระธรรมราชานุวัตร (กมล โกวิโท) อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กระทั่งสอบได้ ปธ.9

จาก พระสงฆ์บ้านนอกธรรมดาๆ ที่ขยันหมั่นเพียร เล่าเรียนวิชา กระทั่งได้ทุนการศึกษาจากพระอุปัชฌาย์คือพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปัญญา ทิพย์มณฑา) อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ตำบลไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ไปศึกษาต่อยังประเทศอินเดีย

ความที่ถูกปรามาสจากอาจารย์สตรีที่มี อายุอ่อยกว่าถึง 9 ปี ว่า ภาษาอังกฤษแย่มากๆ เกิดเป็นพลังที่จะเรียนรู้ภาษาอังกฤษกระทั่งเชี่ยวชาญ และสำเร็จการศึกษาขั้นสูงสุดของ มหาวิทยาลัยรัฐปูเณ่ รัฐมหาราษฏระ ประเทศอินเดีย

ปัจจุบัน พระสุธีธรรมานุวัตร ผศ.ดร. (เทียบ สิริญาโณ) อายุ 51 พรรษา 30 เปรียญธรรม 9 ประโยค มหาบัณฑิต (บาลีและสันสกฤต) ดร.(บาลี) เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรวิหาร และคณบดีบัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

- ทราบว่าพระคุณเจ้าได้ไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ

อาตมา ไปศึกษาต่อที่ประเทศอินเดีย ได้รับความกรุณาจากพระอุปัชฌาย์ คือพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง และ "หลวงเตี่ย" พระเดชพระคุณพระธรรมราชานุวัตร อดีตเจ้าคณะภาค 14 หัวหน้าพระธรรมทูต สาย 2 และญาติโยมอุปถัมภ์ให้อาตมาได้ไปศึกษา

ตอนแรกที่ไปถึงภาษาของอาตมา เป็นแบบงูๆ ปลาๆ ภาษาอังกฤษแย่มาก พูดแบบดำน้ำ ต้องไปเรียนภาษาอังกฤษกับอาจารย์ผู้หญิงอายุ 19 ปี เป็นแขกขาว ตอนนั้นอาตมาอายุย่าง 28 ปี เวลาอาจารย์สอนจะมีพ่อมานอนเฝ้าตลอดเวลา พอเรียนๆ ไปก็ถูกอาจารย์ชี้หน้า บอกว่ามาเรียนปริญญาโทแล้วภาษาอังกฤษยังแย่ขนาดนี้ ตั้งแต่นั้นก็เกิดวิริยะอุตสาหะ ต้องเรียนภาษาอังกฤษให้ดีให้ได้

- เรียนอยู่นานแค่ไหน

8 ปี อ่านหนังสือภาษาอังกฤษเป็นหลายพันเล่ม และมีโอกาสได้ใช้ภาษาอังกฤษพอสมควร พอสำเร็จปริญญาเอก สาขาบาลี-สันสกฤต รัฐปูเณ่ รัฐมหาราษฏระ ประเทศอินเดียก็กลับมาทำงานที่ มจร.ซึ่งได้รับความกรุณาจากพระธรรมโกศาจารย์ (ศ.ดร.ประยูร ธมฺมจิตฺโต) เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร, อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยเริ่มจากเจ้าหน้าที่ประจำกอง วิชาการ แล้วก็ได้รับแต่งตั้งมาจนเป็นคณบดีบัณฑิตวิทยาลัย สอนหลักสูตรภาษาอังกฤษนานาชาติ เลยทำให้ภาษาอังกฤษเราได้พัฒนา

สำเนียงคงไม่ถึงกับเหมือนเขา แต่สื่อสารได้ในระดับหนึ่งที่ทำให้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา กับฮิลลารี คลินตัน หัวเราะได้

- ทราบว่าพระคุณเจ้าได้ช่วยงานเวลามีงานวิสาขบูชาโลก

อาตมา ไปเป็นฝ่ายประสานงาน เป็นพิธีกร รวมทั้งเวลาที่มีงานสัมมนาเป็นภาษาอังกฤษ ก็ได้เป็นพิธีกร เป็นความกรุณาของท่านอธิการบดี ให้พวกเราได้มีโอกาสแสดงออก คนเราถ้ามีความรู้ดี มีอะไรดีก็ตาม ถ้าไม่ได้ใช้ ไม่ได้แสดงออก ความรู้ก็อยู่ในวงจำกัด

ที่ มจร.ก็มีพระหลายท่านที่มีความรู้ความสามารถ เก่งกว่าอาตมามี แต่ไม่มีโอกาสแสดง ยกตัวอย่าง ท่านประธานาธิบดีบารัค โอบามา มาวัดพระเชตุพน พระวัดอื่นก็ไม่มีโอกาสได้นำชม

- พูดถึงหลวงเตี่ย ได้เรียนรู้อะไรกับท่านบ้าง

หลวง เตี่ยเป็นภิกษุสงฆ์ที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี และท่านเป็นคนที่รับแขก มองการณ์ไกล การที่วัดโพธิ์เก็บค่าเข้าชมก็เป็นความคิดของท่าน เพราะวัดโพธิ์เมื่อก่อนเป็นวัดจน จะซ่อม เราก็ตั้งมูลนิธิทุนพระพุทธยอดฟ้า แล้วก็เริ่มเก็บค่าผ่านประตู ครั้งแรกโดยจัดงานสงกรานต์รายได้ซ่อมสร้าง แต่ก็ไม่ได้กี่สตางค์ แต่หลวงเตี่ยท่านเป็นพระวิสัยทัศน์ไกล ท่านไปต่างประเทศไปอะไร เห็นว่าไปต่างประเทศยังต้องเสียค่าเข้าชม ท่านก็ได้แนวคิดนั้นมา

- หลวงเตี่ยพูดภาษาอังกฤษได้ดี

ถ้า ระดับสื่อสารไม่ได้คิดอย่างนั้น ตอนท่านไปต่างประเทศเป็นเจ้าอาวาส ท่านอายุ 50 กว่าแล้ว อยู่ในสังคม คือประเทศอเมริกาไม่ต้องพูดภาษาอังกฤษหรอก เหมือนกับอยู่เมืองไทย ภาษาลาว ภาษาเขมร เพราะผู้อพยพเยอะ

- รู้สึกอย่างไรบ้างกับการที่ได้ทำหน้าที่ตรงนี้

อาตมา ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของวัดนี้ เมื่อสิ่งไหนที่สามารถทำให้วัดได้ เราเป็นผู้อาศัยเราต้องทำ เมื่อคนระดับโลกมา และคนของวัดนำชมได้โดยไม่ต้องยืมจมูกคนอื่นหายใจ บางท่านยังมีอคติกับพระว่าพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ไม่สามารถสื่อสารอะไรได้ ในภาพรวมพระสงฆ์ของเราสามารถนำแขกบ้านแขกเมืองได้ ก็ถือว่าวัด "ได้" เมื่อวัดได้ อาตมากับพระในวัดก็ได้ด้วย ในทางตรงกันข้ามถ้าวัดตอนรับไม่ได้ พระในวัดก็เสียชื่อเสียงด้วย ถือว่าเป็นความภูมิใจที่มีคนระดับโลกมาชม

- ได้รับเลือกมาทำหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์กิตติมศักดิ์ให้กับผู้นำสหรัฐนำชมวัดโพธิ์ได้อย่างไร
เป็น เพราะได้รับการมอบหมายจากพระอุดรคณารักษ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ซึ่งในช่วงวันที่ 18 พฤศจิกายนท่านไม่อยู่ต้องไปปฏิบัติกิจในต่างประเทศ ในฐานะท่านเป็นเลขานุการวัดโพธิ์ ท่านก็เลือกอาตมาเป็นคนพานายบารัค โอบามา ชมวัด โดยกำหนดจุดที่จะพาชมทั้งหมด 4 จุด คือ พระอุโบสถ ที่ประดิษฐานพระพุทธเทวปฏิมากร, พระวิหารพระพุทธไสยาสน์, พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล และเขามอที่ตั้งรูปปั้นฤๅษีดัดตน

ทั้ง 4 จุดที่ บารัค โอบามา มีกำหนดการเข้าชมภายในวัดนั้น ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญและความงดงาม รวมทั้งมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะพระวิหารพระพุทธไสยาสน์ ที่นอกจากจะเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยแล้ว ยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่มีความงดงาม พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล ก็เป็นกลุ่มเจดีย์ที่มีความงดงามเป็นสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์แบบจีน ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบ เครื่องถ้วยหลากสี มีตุ๊กตาหินจีนประตูละคู่ พระมหาเจดีย์แต่ละองค์เป็นเจดีย์ย่อไม้สิบสองสูงถึง 42 เมตร

- เป็นผู้นำชมประธานาธิบดีสหรัฐต้องถูกตรวจค้นจากหน่วยรักษาความปลอดภัยด้วยหรือเปล่า

ตอน แรกจะต้องได้รับการตรวจสอบอย่างเข้มจากหน่วยรักษาความปลอดภัย แต่ตอนหลังมีการประสานงานอย่างไรไม่ทราบ พอทราบว่าอาตมาจะต้องเป็นพระที่นำนายบารัค โอบามา ชมวัด ก็ไม่ต้องถูกตรวจค้นเลย เจ้าหน้าที่ทางสถาทูตที่เป็นคนไทยคงบอกสถานะของความเป็นพระว่าพระสงฆ์ไทยไม่ ยุ่งเกี่ยวทางโลก ส่วนพระรูปอื่นที่ไปกับอาตมาอีกรูปก็ไม่ได้การตรวจสอบเช่นกัน

- มองนายบารัค โอบามา ว่าเดินทางมาครั้งนี้มีความรู้เรื่องประเทศของเรามากน้อยแค่ไหน

คิด ว่านายบารัค โอบามา เหมือนกับชาวต่างชาติทั่วไปว่ามาประเทศไทยแล้วสถานที่สำคัญจะต้องไปที่ไหน ก็เหมือนกับเราไปดูสถานที่สำคัญในต่างประเทศ อย่าลืมว่าท่านเป็นนักการเมือง

- การมาของนายบารัค โอบามา ประเทศไทย ทางวัดได้อะไรจากการมาครั้งนี้

มอง ในแง่ระดับชาติก่อน ว่าท่านไม่เคยทัวร์เอเชีย และท่านเองได้เป็นประธานาธิบดีเป็นสมัยที่สอง ซึ่งท่านเลือกมาประเทศไทยเป็นแห่งแรก ก่อนเดินทางต่อไปประเทศอื่น ก็ถือว่านายบารัค โอบามา เป็นเบอร์หนึ่งของโลก การมาครั้งนี้ของท่านถือว่าให้เกียรติกับประเทศไทยและวัดเป็นอย่างมาก

ท่าน บารัค โอบามา เป็นชาวคริสต์ มาประเทศไทยยังนึกถึงพระพุทธศาสนา เพราะพระพุทธศาสนา เป็นรากฐานของวัฒนธรรมไทย หลังจากมาวัดท่านไปเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หลังเข้าเฝ้าฯเสร็จ และเดินทางไปพบกับนางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตอนแรกอาตมาไม่ได้คิด พอมีคนโทร.มาถามเรื่องนี่ก็เลยคิดขึ้นมาได้ว่าท่านประธานาธิบดี มีจิตวิทยาสูง

- ช่วงนี้ประเทศไทยกำลังเตรียมตัวรับเออีซี ในฐานะที่เป็นคณบดีมีการปรับหลักสูตรการเรียนการสอนสำหรับพระสงฆ์
ที่ มจร.มีการปรับปรุงหลักสูตรทุก 5 ปีเป็นปกติอยู่แล้ว ในระดับปริญญาตรีก็มีสอนภาษากัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม และมีการสอนประพุทธศาสนาในเอเชียด้วย ก่อนหน้านี้อาตมาเป็นคณบดีคณะพุทธศาสตร์ ก็รับผิดชอบวิชาด้านพุทธศาสตร์

แต่ ในระดับปริญญาโท ปริญญาเอก ที่สอนเกี่ยวกับเพื่อนบ้านโดยตรงไม่มี เพราะถือว่าเรียนวิชาพื้นฐานจากปริญญาตรีมาแล้ว แต่ในอนาคตทาง มจร.ก็จะมีพระจากประเทศ สปป.ลาว เขมร มาเรียนมากขึ้น โดยเฉพาะปริญญา โท-เอก อาตมามองว่า น่าจะมีวิชาเกี่ยวกับประวัติพุทธศาสนาในระดับชั้นสูง อาจจะต้องให้ทำวิจัยร่วมกัน ระหว่างพระสงฆ์ที่มีศีล 227 เท่ากัน ว่าเราทั้งสองประเทศจะเรียนรู้ร่วมกันอย่างไร

ในอนาคตทาง มจร.ก็จะมีพระจากประเทศ สปป.ลาว เขมร มาเรียนมากขึ้น โดยเฉพาะปริญญาโท-เอก น่าจะต้องมีวิชาประวัติศาสตร์ พระพุทธศาสนา ในเอเชียอาคเนย์ ในอนาคตทาง มจร.ก็จะมีพระจากประเทศ สปป.ลาว เขมร มาเรียนมากขึ้น โดยเฉพาะปริญญาโท-เอก น่าจะต้องมีวิชาประวัติศาสตร์ พระพุทธศาสนา ในเอเชียอาคเนย์ ตอนนี้แน่นอนทางเขมร พม่า ก็ต้องเรียนภาษา และจะเกิดการแลกเปลี่ยนระหว่างนักศึกษา และนักศึกษาของไทยที่จะส่งไปแลกเปลี่ยน เพื่อได้เรียนรู้และพูดภาษาของเพื่อนบ้านได้

ขณะเดียวกันนักศึกษา เขมร ลาว พม่า เวียดนาม ก็ต้องพูดภาษาไทยได้ ก็คือมีการเรียนรู้ระหว่างนักศึกษาด้วยกัน ปัจจุบันเราใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อกลาง ถามว่ามีประโยชน์หรือไม่ก็มีประโยชน์ในแง่หนึ่ง แต่อย่าลืม นักศึกษาในอาเซียนมาภาษาของตัวเองอยู่แล้ว นักศึกษาเหล่านี้ก็จะมีข้อจำกัดในการใช้ภาษาอังกฤษ

แล้วจะทำอย่างไรมีอยู่ทางเดียว ก็คือต้องเรียนภาษาของแต่ละประเทศในอาเซียน จะทำให้สามารถติดต่อประสานงานได้สะดวกยิ่งขึ้น

- จีนก็อยู่ในอาเซียน +3 ทาง มจร.จะมีการสอนภาษาจีนด้วยหรือเปล่า
แน่ นอนในหลายมหาวิทยาลัยในประเทศไทยมีสอนภาษาจีนอยู่แล้วในปัจจุบัน เดี๋ยวนี้ตื่นตัวกันมากในการศึกษาภาษาจีนประวัติศาสตร์ของประเทศจีน ทางมหาวิทยาลัยก็มีสอนอยู่บ้างแต่ยังไม่ถึงขั้นตั้งเป็นสถาบัน

- กับพระรุ่นหลังที่ยังศึกษาอยู่มีอะไรที่จะแนะแนวให้กับพระเหล่านั้นบ้าง

อาตมา มองว่าชีวิตคนเราพัฒนาได้ด้วยการศึกษา อย่างโอบามา หรือฮิลลารี คลินตัน ถามประวัติ เราก็บอกว่าเป็นเด็กวัดไม่มีโอกาสอะไร ก็อาศัยวัดอาศัยพระพุทธศาสนาขัดเกลาจิตใจ อาตมาคิดว่าคนเราความฉลาดไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไร แต่สิ่งหนึ่งที่มีไม่เหมือนกันคือ โอกาส แต่เมื่อโอกาสมาถึงแล้วเรารู้จักใช้หรือเปล่า

อย่างเช่น ประธานาธิบดีมา ถ้าอาตมาปฏิเสธ ก็ต้องไปใช้บริการจากคนอื่น กลายเป็นว่าบ้านเราต้องให้คนอื่นมาแสดง

"อาตมา ถือว่าเป็นโอกาสที่อาตมาได้ตอบแทนพระคุณของวัด ถือว่าเป็นเกียรติแก่วัดโพธิ์ เป็นเกียรติแก่พุทธศาสนา และเป็นเกียรติแก่ประเทศไทย" 
ที่มา http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1353813035&grpid=&catid=09&subcatid=0905
------------------------------------------------------------------------ 
เปิดใจ"พระสุธีธรรมานุวัตร" ไกด์"โอบามา"ท่องวัดโพธิ์



กลาย เป็นคนดังไปชั่วข้ามคืน สำหรับ "พระสุธีธรรมานุวัตร" (เทียบ สิริญาโณ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม และคณบดีบัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ที่ได้โอกาสเป็นไกด์นำนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา พร้อมด้วยนางฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศ ของสหรัฐอเมริกา เยี่ยมชมสถานที่สำคัญของวัดพระเชตุพนฯ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 18 พ.ย. จนกลายเป็นข่าวดังกล่าวไปทั่วโลก



พระสุธีธรรมานุวัตร กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้รับโอกาสสำคัญครั้งนี้ ว่าได้รับมอบหมายจากพระธรรมปัญญาบดี เจ้าอาวาส ให้เป็นผู้นำคณะของผู้นำสหรัฐเยี่ยมชมสถานที่สำคัญของวัด เมื่อทราบว่าจะต้องทำหน้าที่สำคัญนี้ อาตมาได้เตรียมตัวข้อมูลของวัด ตามโปรแกรมที่คณะเจ้าหน้าที่สหรัฐแจ้งว่า ผู้นำสหรัฐมีเวลาเพียง 30 นาที ในการเยี่ยมชมสถานที่สำคัญในวัดโพธิ์ ประกอบด้วย พระวิหารโลกนาถ, พระอุโบสถ, วิหารพระนอน และเจดีย์ 4 รัชกาล



ทั้งนี้ สถานที่ที่ประธานาธิบดีบารัก โอบามา และนางฮิลลารี คลินตัน ให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ คือ พระพุทธไสยาสน์ ซึ่งทั้งสองชมว่า เป็นพระพุทธรูปที่สวยงามมาก พร้อมกันนี้ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐยังบอกให้เจ้าหน้าที่นำรูปบูชาของพระพุทธไสยาสน์กลับ ไปฝากลูกสาวที่สหรัฐอเมริกาด้วย



"ระหว่างที่เข้าสักการะพระ พุทธไสยาสน์ อาตมาได้บอกกับประธานาธิบดีบารัก โอบามา ว่า พระพุทธรูปนี้ชาวไทยเชื่อกันว่าหากขอพรอะไรไปจะสมดังหวัง และจะประสบความสำเร็จในชีวิต และหากสหรัฐอเมริกาสามารถมีประธานาธิบดีคนเดียวกันได้ 3 สมัยติดต่อกัน ประธานาธิบดีบารัก โอบามา จะต้องได้รับเลือกอีกแน่นอน ซึ่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐ หัวเราะพร้อมบอกว่าคงไม่ไหวแล้ว ขอกลับไปเลี้ยงลูกดีกว่า"



ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ยังชี้ไปที่ นางฮิลลารี คลินตัน ว่าจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาต่อจากท่าน ซึ่งหากนางฮิลลารีได้เป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐจริง อาตมาเชื่อว่าจะต้องเดินทางกลับมาที่วัดโพธิ์อีกอย่างแน่นอน



อย่าง ไรก็ตาม หากสังเกตจะเห็นว่า การมาเยือนเมืองไทยของประธานาธิบดีบารัก โอบามา ในครั้งนี้ ได้ให้ความสำคัญกับประเทศครบทั้ง 3 สถาบันหลัก คือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์"



ขณะเดียวกัน พระสุธีธรรมานุวัตรยังกล่าวด้วยว่า ประธานาธิบดีบารัก โอบามา และนางฮิลลารี คลินตัน ต่างชมว่าวัดสวยงามมาก และให้ความสนใจการใช้ชีวิตของพระสงฆ์ด้วย ที่สำคัญแม้ว่า ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐ จะนับถือศาสนาคริสต์ แต่ประเทศไทยมีคนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ จึงเลือกเดินทางมาเยี่ยมชมวัดทางพระพุทธศาสนา เพื่อเป็นการให้เกียรติประเทศไทย



พระสุธีธรรมานุวัตรกล่าว อีกว่า ในการนี้นายโอบามาได้มอบของที่ระลึก 3 อย่างให้กับทางวัดโพธิ์ ได้แก่ ของขวัญกล่องใหญ่ 1 กล่อง แก้วสามใบอยู่ในกล่องที่เขียนว่า White House และสุดท้ายได้ลงนามเยี่ยมชมวัด และเซ็นชื่อไว้เป็นที่ระลึกด้วย ซึ่งทางวัดโพธิ์ได้มอบหนังสือเกี่ยวกับวัดโพธิ์เป็นภาษาอังกฤษแก่ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาด้วย



ส่วนของขวัญที่ประธานาธิบดีบารัก โอบามา มอบให้กับพระสุธีธรรมานุวัตรเป็นที่ระลึก คือ "หนังสือ The President"s House เล่ม 1-2"



"อาตมา รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ทำชื่อเสียงให้กับวัด อีกทั้งสร้างภาพลักษณ์ให้พระสงฆ์ที่สามารถโต้ตอบภาษาอังกฤษกับผู้นำระดับโลก ได้โดยไม่ใช้ล่าม พระสงฆ์ไทยมีอีกมากมายหลายรูปที่มีความสามารถด้านการใช้ภาษาอังกฤษ เพียงแต่อาตมาโชคดีที่ได้รับโอกาสสำคัญครั้งนี้"



พระสุธีธร รมานุวัตรกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า ภายหลังนายบารัก โอบามา และนางฮิลลารี คลินตัน เข้าเยี่ยมชมวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ทำให้วัดแห่งนี้คึกคักเป็นพิเศษ ปรากฏว่ามีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศเข้าเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะวิหารพระนอนเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวมาก

ที่มา http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROaWRXUXdNakkxTVRFMU5RPT0=&sectionid=TURNd053PT0=&day=TWpBeE1pMHhNUzB5TlE9PQ==

วันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เปิดตัว ASUS VivoBook โน๊ตบุ๊คจอทัชสกรีนรัน Windows 8 ในไทย

 เปิดตัว ASUS VivoBook โน๊ตบุ๊คจอทัชสกรีนรัน Windows 8 ในไทย ขายแล้ววันนี้เริ่มต้นราคา 14,900 บาท

 
เปิดตัวอุปกรณ์ทัชสกรีนรันระบบปฏิบัติการ Windows 8 ของทาง ASUS ไทยกันบ้าง ซึ่งในงานจะมี ASUS VivoBook โน๊ตบุ๊คทัชสกรีน, ASUS Vivo Tab RT แท็บเล็ตมีคีย์บอร์ดแยกร่างได้และ ASUS TAICHI อัลตร้าบุ๊คมี 2 จอหน้าหลังมาจัดแสดง โดยในส่วนของ ASUS VivoBook จะเริ่มวางขายตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป (พันธุ์ทิพย์มีแล้ว) มี 6 รุ่นย่อยให้เลือกราคาเริ่มตั้นแต่ 14,900 - 27,900 บาท มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 8 แท้มีทั้งรุ่นหน้าจอ 11.6 นิ้วและ 14 นิ้วรองรับมัลติทัช ตัวเครื่องมี 3 สีให้เลือกได้แก่ สีเทา สีแชมเปญ และชมพู


ดูแล้วอาจจะงงเพราะมีหลายรุ่นเหลือเกินแต่ถ้าแยกง่ายๆก็คือคือรุ่น S400 จะเป็นหน้าจอ 14 นิ้วส่วน รุ่น X202 จะเป็นหน้าจอ 11.6 นิ้วครับ สำหรับราคาถ้าเทียบกับโน๊ตบุ๊คปกติแล้วทาง ASUS บอกว่าจะสูงกว่าประมาณ 4,000 บาท แต่ VivoBook จะมี Windows 8 แท้ตัวเต็มมาใช้งานเลยพร้อมกับหน้าจอทัชสกรีน

สเปคเครื่อง ASUS VivoBook
  • S400CA-CA036H
    • ซีพียู 3rd Gen Intel Core i7-3517U
    • ชิปกราฟฟิก Intel HD Graphics 4000
    • รัน Windows 8
    • แรม 6GB
    • ความจุ SSD 24GB + HDD 500GB (Hybrid)
    • มีกล้อง, WiFi, Bluetooth, HDMI, USB 3.0, ไม่มี Optical Disc Drive
    • หน้าจอ 14 นิ้วความละเอียด 1366 x 768 รองรับมัลติทัช
    • น้ำหนัก 1.83 กิโลกรัม
    • แบตเตอรี่ 3 เซลล์
    • ประกัน 2 ปีแบบ Global
    • ราคา 27,900 บาท รวม VAT แล้ว
  • S400CA-CA017H
    • ซีพียู 3rd Gen Intel Core i5-3317U
    • ชิปกราฟฟิก Intel HD Graphics 4000
    • รัน Windows 8
    • แรม 6GB
    • ความจุ SSD 24GB + HDD 500GB (Hybrid)
    • มีกล้อง, WiFi, Bluetooth, HDMI, USB 3.0, ไม่มี Optical Disc Drive
    • หน้าจอ 14 นิ้วความละเอียด 1366 x 768 รองรับมัลติทัช
    • น้ำหนัก 1.83 กิโลกรัม
    • แบตเตอรี่ 3 เซลล์
    • ประกัน 2 ปีแบบ Global
    • ราคา 24,900 บาท รวม VAT แล้ว
  • X202E-CT009H (สีเทา) / X202E-CT128H (สีแชมเปญ) / X202E-CT008H (สีชมพู)
    • ซีพียู 3rd Gen Intel Core i3-3217U
    • ชิปกราฟฟิก Intel HD Graphics 4000
    • รัน Windows 8
    • แรม 4GB
    • ความจุ HDD 500GB
    • หน้าจอ 11.6 นิ้วความละเอียด 1366 x 768 รองรับมัลติทัช
    • น้ำหนัก 1.38 กิโลกรัม
    • แบตเตอรี่ 2 เซลล์
    • ประกัน 2 ปีแบบ Global
    • ราคา 19,900 บาท รวม VAT แล้ว
  • X202E-CT006H (สีเทา) / X202E-CT129H (สีแชมเปญ) / X202E-CT007H (สีชมพู)
    • ซีพียู Intel® Pentium 987
    • ชิปกราฟฟิก Integrated HD Graphics
    • รัน Windows 8
    • แรม 4GB
    • ความจุ HDD 500GB
    • หน้าจอ 11.6 นิ้วความละเอียด 1366 x 768 รองรับมัลติทัช
    • น้ำหนัก 1.38 กิโลกรัม
    • แบตเตอรี่ 2 เซลล์
    • ประกัน 2 ปีแบบ Global
    • ราคา 17,900 บาท รวม VAT แล้ว
  • X202E-CT033H (สีเทา) / X202E-CT137H (สีแชมเปญ) / X202E-CT032H (สีชมพู)
    • ซีพียู Intel® Celeron 847
    • ชิปกราฟฟิก Integrated HD Graphics
    • รัน Windows 8
    • แรม 2GB
    • ความจุ HDD 500GB
    • หน้าจอ 11.6 นิ้วความละเอียด 1366 x 768 รองรับมัลติทัช
    • น้ำหนัก 1.38 กิโลกรัม
    • แบตเตอรี่ 2 เซลล์
    • ประกัน 2 ปีแบบ Global
    • ราคา 15,490 บาท รวม VAT แล้ว
  • X202E-CT005H (สีเทา) / X202E-CT131H (สีแชมเปญ) / X202E-CT004H (สีชมพู)
    • ซีพียู Intel® Celeron 847
    • ชิปกราฟฟิก Integrated HD Graphics
    • รัน Windows 8
    • แรม 2GB
    • ความจุ HDD 320GB
    • หน้าจอ 11.6 นิ้วความละเอียด 1366 x 768 รองรับมัลติทัช
    • น้ำหนัก 1.38 กิโลกรัม
    • แบตเตอรี่ 2 เซลล์
    • ประกัน 2 ปีแบบ Global
    • ราคา 14,900 บาท รวม VAT แล้ว


“เอซุส” เปิดศึกโค้งสุดท้ายปี 55 ดันไลน์สินค้าทัชสกรีนเต็มรูปแบบ

“เอ ซุส” จัดหนักไตรมาสสุดท้ายปี 55 เปิดไลน์ผลิตภัณฑ์ทัชสกรีนทีเดียว 3 รุ่นรวด ทั้งโน้ตบุ๊ก-แท็บเล็ต สุดยอดหน้าจอระบบมัลติทัช รวดเร็วทันใจ ใช้งานง่ายด้วยระบบปฏิบัติการ Windows 8 โหมตลาดไอทีคึกคักส่งท้ายปี  

นายพรเทพ วัชรอำนวย กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัสซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้ตลาดภาพรวมไอทีอยู่ในภาวะทรงตัว ขณะที่ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มโมบาย ได้แก่ แท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน อยู่ในกระแสความต้องการผู้บริโภคและเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ เอซุสพร้อมแล้วที่จะเปิดนวัตกรรมการรวมตัวของโน้ตบุ๊กและแท็บเล็ต Windows 8 ได้แก่VivoBook Series (X202, S400) VivoTab RT และ ASUS Taichi โดยทุกไลน์ผลิตภัณฑ์จะเน้นหน้าจอสัมผัสได้ทั้งหมด พร้อมดีไซน์ที่ทันสมัย เพื่อสร้างความประทับใจแก่ผู้บริโภคตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้สัมผัส 

“ทิศ ทางตลาดจากนี้เอซุสเน้นการทำตลาดใน 3 กลุ่มหลักไปพร้อมกัน ได้แก่ โน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน โดยจะทำให้ครบทุกไลน์ผลิตภัณฑ์และเลือกสินค้าที่ตอบโจทย์คนทุกกลุ่มในราคา ที่เข้าถึงได้” นายพรเทพ กล่าว 

สำหรับการเตรียม พร้อมรุกตลาด เอซุสกำลังดำเนินการใน 2 ส่วน คือ 1) จัดเทรนนิ่งพนักงานขายหน้าร้านทั่วประเทศให้มีความเข้าใจในผลิตภัณฑ์โดย เฉพาะแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน ซึ่งถือเป็นตัวใหม่ที่เรากำลังจะทำตลาด 2) การสนับสนุนตัวแทนจำหน่ายตกแต่งหน้าร้านให้สวยงามและน่ามองยิ่งขึ้น รวมถึงมีเชลฟ์วางสินค้าที่ลูกค้าสามารถสัมผัสและทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ได้สะดวก ขึ้น ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จไตรมาสแรกของปี 2556 นี้  

นอก จากนี้ยังวางจำหน่ายสินค้ากับกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า อาทิ ร้านเพาเวอร์บาย รวมถึงไฮเปอร์     มาร์เก็ตทั้งโลตัสและบิ๊กซี ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จดีเกินคาด และขณะนี้อยู่ระหว่างเพิ่มช่องทางจำหน่ายผ่านร้านมือถือทั่วไป เพื่อรองรับกับตลาดแท็บเล็ตและโมบายที่จะเป็นอีกขานึงของเอซุส

นายพีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ไมโครซอฟท์รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมกับ “เอซุส” ในการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งหมดของเอซุสที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 8 เข้าสู่ตลาดในวันนี้ไม่ว่าจะเป็น โน้ตบุ๊ค (Windows 8) และแท็บเล็ต (Windows RT) ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่ผู้ใช้สินค้าของเอซุสจะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ที่ใช้ งานง่ายและคล่องตัวสูง เพราะ Windows 8 ได้รับการออกแบบสำหรับโลกในวันนี้ที่ไม่มีเส้นคั่นระหว่างการใช้งานไอที เพื่อการทำงานและเพื่อความเพลิดเพลินที่บ้านอีกต่อไป โดยจะมอบประสบการณ์การเชื่อมต่อที่รวดเร็ว และลื่นไหล ที่สำคัญเราเชื่อมั่นว่า Windows 8 จะเป็นระบบปฏิบัติการที่สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี รวมถึงช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงเทคโนโลยีที่ดีได้อย่างทั่วถึง

นายอรุณพงศ์ ทองสุทธิ ฝ่าย Technical Marketing บริษัท อัสซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า งานแถลงข่าวในวันนี้ (30 ต.ค.) เป็นการรวมตัวของโน้ตบุ๊กและแท็บเล็ต Windows 8 เต็มรูปแบบ โดยเริ่มจากเปิดตัวผลิตภัณฑ์ “VivoBook” ซีรี่ย์ ที่ผู้ใช้จะได้รับประสบการณ์อันน่าตื่นตาตื่นใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้สัมผัส หน้าจอ ด้วยระบบมัลติทัชที่ได้รับการพัฒนาให้ใช้งานอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด ตอบสนองการสั่งการรวดเร็วทันใจ ทัชแพ็ดมีขนาดใหญ่ขึ้นสะดวกต่อการใช้งาน 

“VivoBook” ซีรี่ย์ มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 11.6  และ 14 นิ้ว รองรับระบบปฎิบัติการ Windows 8 ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ ด้วยลูกเล่นหลากหลายและการใช้งานที่แสนง่ายดาย พร้อมระบบเสียงคมชัดและทรงพลังด้วยเทคโนโลยี SonicMaster สามารถรีซูมระบบได้ภายใน 2 วินาทีจาก sleep mode แม้จะพักเครื่องไว้นานแล้วก็ตาม ทำให้การบู๊ทเครื่องเพื่อตอบรับ Windows 8 เป็นไปอย่างรวดเร็ว ด้วยดีไซน์หรูหราสะกดทุกสายตา VivoBook X202 มี 3.สี ให้เลือก ได้แก่ สีเทา สีแชมเปญ และชมพู วางจำหน่ายแล้ววันนี้

ยิ่งกว่านั้น ผู้บริโภคคนไทยเตรียมสัมผัสกับ “เอซุส ไทชิ” (ASUS TAICHI) ซึ่งนำมาอวดโฉมครั้งแรกในงานนี้ด้วย “ไทชิ” คือ นวัตกรรมที่รวมเอาอัลตร้าบุ๊กและแท็บเลตไว้ในเครื่องเดียวกัน ออกแบบให้มี 2 หน้าจอ สามารถแบ่งกันใช้งานได้ 2 คน หนึ่งจอเป็นอัลตร้าบุ๊ก และอีกหนึ่งจอทำงานแบบแท็บเลต    มัลติทัช ซึ่งพร้อมให้คนไทยได้สัมผัสเดือนธันวาคมนี้เช่นเดียวกับ “เอซุส วีโว่ แทบ อาที” (Asus Vivo Tab RT)

“เอซุส วีโว่ แทบ อาที” (Asus Vivo Tab RT) แท็บเล็ตดีไซน์ล้ำ ขนาดหน้าจอ 10.1 นิ้ว สามารถถอดแยกจากคีย์บอร์ดได้ มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows RT ที่จะมอบความบันเทิงในช่วงเวลาพักผ่อนและการเล่นเกมส์ได้อย่างเต็มรูปแบบ

พบ กับ เอซุสโน้ตบุ๊กและแท็บเล็ตยอดอัจฉริยะแห่งการสัมผัส ณ ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่เว็บไซต์ www.asus.co.th และ www.facebook.com/ASUSTHAILAND , www.twitter.com/ASUSTHAILAND หรือโทรสอบถามได้ที่เอซุส คอลเซ็นเตอร์ 02-401-1717

ที่มา:
www.asus.co.th

วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

13 ฟอนต์ไทยในงานราชการ

ครม.เห็นชอบให้ทุกส่วนราชการโละฟอนต์ต่างชาติ บังคับใช้ 13 ฟอนต์ไทยในงานราชการ ระบุป้องกันละเมิดลิขสิทธิ์ 

          นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบให้หน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยดำเนินการติดตั้งฟอนต์สารบรรณและฟอนต์ อื่น ๆ ทั้งหมด จำนวน 13 ฟอนต์ ของสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (สอซช.) หรือ SIPA และกรมทรัพย์สินทางปัญญาเพิ่มเข้าไปในระบบปฏิบัติการ Thai OS (Thai Operating System) และใช้ฟอนต์ดังกล่าวแทนฟอนต์เดิม ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ โดยให้ติดตั้งและใช้งานให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 5 ธันวาคม 2553

          ทั้ง นี้ สืบเนื่องจาก ปัจจุบันส่วนราชการจำนวนมากมีการใช้ฟอนต์ที่หลากหลาย ไม่มีมาตรฐานในเอกสารทางราชการ อีกทั้งยังมีหน่วยงานราชการหลายแห่งใช้มาตรฐานฟอนต์ของบริษัทเอกชนที่ผูกขาด ลิขสิทธิ์ เช่น Angsana อาจมีปัญหาเรื่องการฟ้องร้องละเมิดลิขสิทธิ์ได้

          ด้วยเหตุดังกล่าว จึงได้มีการพัฒนาและมีการประกวดแข่งขันฟอนต์ ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้เกิดการใช้ Open Source Software ที่เป็นซอฟต์แวร์เสรีให้ส่วนราชการไทยประกาศมาตรฐานเอกสารดิจิตัลและรูปแบบ ของฟอนต์ที่ไม่ขึ้นกับระบบปฏิบัติการและลิขสิทธิ์ของบริษัทใด ๆ เพื่อความภาคภูมิใจในความเป็นชาติและเอกลักษณ์ของความเป็นชาติไทย ซึ่งในขณะนี้มีฟอนต์ที่ส่วนราชการไทยสามารถเป็นเจ้าของและพร้อมแจกจ่ายให้ กับผู้ประสงค์จะใช้งานรวม 13 ฟอนต์ ดังนี้

          1. TH Sarabun PSK ออกแบบโดย คุณศุภกิจ เฉลิมลาภ


font ราชการ


          2. TH Chamornman ออกแบบโดยคุณเอกลักษ์ เพียรพนาเวช


font ราชการ


          3. TH Krub ออกแบบโดยคุณเอกลักษณ์ เพียรพนาเวช


font ราชการ


          4. TH Srisakdi ออกแบบโดย ทีม อักษราเมธี (คุณไพโรจน์ เปี่ยมประจักพงษ์,คุณบวร จรดล)


font ราชการ


          5. TH Niramit AS ออกแบบโดย ทีม อักษราเมธี (คุณไพโรจน์ เปี่ยมประจักพงษ์,คุณบวร จรดล)


font ราชการ


          6. TH Charm of AU ออกแบบโดย คุณกัลยาณมิตร นรรัตน์พุทธิ


font ราชการ


          7. TH Kodchasan  ออกแบบโดย คุณกัลย์สุดา เปี่ยมประจักพงษ์


font ราชการ


          8. TH K2D July8 (8 กรกฏา) ออกแบบโดย คุณกานต์ รอดสวัสดิ์


font ราชการ


          9. TH Mali Grade 6 ออกแบบโดย คุณสุดารัตน์ เลิศสีทอง


font ราชการ


          10. TH Chakra Petch (จักรเพชร) ออกแบบโดย คุณธีรวัฒน์ พจน์วิบูลศิริ


font ราชการ


          11. TH Bai Jamjuree CP ออกแบบโดย ทีม PITA (คุณรพี สุวีรานนท์, คุณวิโรจน์ จิรพัฒนกุล)


font ราชการ


          12. TH KoHo ออกแบบโดย กลุ่ม ก-ฮ (คุณขาม จาตุรงคกุล, คุณกนกวรรณ แพนไธสง, คุณขนิษฐา สิทธิแย้ม)


font ราชการ


          13. TH Fah Kwang ออกแบบโดย ทีม สิบเอ็ด (คุณกิตติ ศิริรัตนบุญชัย, คุณนิวัฒน์ ภัทโรวาสน์)


font ราชการ


โหลด 13 ฟอนต์แห่งชาติ ฟรีได้ที่...

           ฟอนต์.คอม

            SIPA
ที่มา ขอขอบคุณข้อมูลจาก
กระทรวงศึกษาธิการ, ฟอนต์.คอม
http://hilight.kapook.com/view/51951

วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

กล้อง Nikon D5200

Nikon D5200 กล้อง DSLR รุ่นใหม่จาก Nikon
Nikon D5200 เป็นกล้อง Nikon ที่เปิดตัวล่าสุด ด้วยเซ็นเซอร์รับภาพแบบ DX-format CMOS ที่ให้ความละเอียดสูงถึง 24.1 ล้านพิกเซล พร้อมระบบออโตโฟกัส (AF) 39 จุด และเซ็นเซอร์วัดแสงความแม่นยำสูง 2,016-พิกเซล RGB เพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่เหนือกว่า ครบครันทุกฟังก์ชั่นการทำงานสำหรับช่างภาพมือใหม่ ที่มาพร้อมจอ LCD แบบปรับหมุนได้ช่วยให้คุณสามารถสร้างสรรค์มุมมองการถ่ายภาพที่ไม่เหมือนใคร
Nikon เปิดตัวกล้องดิจิตอล SLR D5200 ซึ่งมาพร้อมกับเซ็นเซอร์รับภาพ DX-format CMOSความละเอียดสูงถึง 24.1 ล้านพิกเซล และระบบประมวลผลภาพ EXPEED 3 เช่นเดียวกับที่ใช้ในกล้องนิคอนรุ่น D4 ที่ถือเป็นที่สุดของกล้องดิจิตอลในตระกูล SLR จาก Nikon ทั้งยังโดดเด่นด้วยประสิทธิภาพการทำงานพื้นฐานที่เหนือกว่าสำหรับทุกความ ต้องการในการถ่ายภาพด้วยกล้องขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา
กล้องNikon D5200 มาพร้อมหน้าจอ LCD แบบปรับหมุนได้เช่นเดียวกับรุ่น D5100 ที่ช่วยให้คุณสามารถสร้างสรรค์มุมมองการถ่ายภาพที่ไม่เหมือนใคร ไม่ว่าจะถ่ายภาพจากมุมสูงหรือต่ำ หรือแม้แต่การถ่ายภาพตัวเอง ทั้งยังเป็นกล้องสำหรับมือใหม่ที่ตอบทุกโจทย์ของผู้รักการถ่ายภาพด้วยขีด ความสามารถที่ครบครันทั้งเซ็นเซอร์รับภาพ DX-format CMOS ที่มีความละเอียดสูงถึง 24 ล้านพิกเซล พร้อมระบบประมวลผลภาพ EXPEED 3 เช่นเดียวกับที่ใช้ในกล้องดิจิตอล SLR ระดับสูงอย่าง รุ่นนิคอน D4, D800, D800E และ D600 ที่ให้ความละเอียดที่เหนือกว่าและไฟล์คุณภาพสูง สัญญาณรบกวนต่ำเมื่อถ่ายภาพด้วยความไวแสงสูงๆ
ค่าความไวแสงครอบคลุมตั้งแต่ ISO 100 ถึง ISO 6400 และสามารถเพิ่มค่าความไวแสงได้สูงสุดถึง ISO 25600 (Hi 2) นอกจากนี้ยังได้เพิ่มจุดโฟกัสเป็น 39 จุดซึ่งถือว่าเป็นกล้องที่มีจุดโฟกัสมากที่สุดในกล้องระดับเดียวกัน จึงสามารถจับโฟกัสวัตถุเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น ระบบจำแนกฉาก (Scene Recognition System) ด้วยการทำงานร่วมกันระหว่างเซ็นเซอร์ 2,016-พิกเซล RGB แบบเดียวกับที่มีในกล้องนิคอนระดับสูง จะช่วยวิเคราะห์ค่าความสว่างและข้อมูลสีของสภาวะแสงนั้นๆได้อย่างแม่นยำยิ่ง ขึ้น ซึ่งใช้เป็นข้อมูลในการควบคุมการสั่งงานระบบออโต้โฟกัส การเปิดรับแสงอัตโนมัติ แฟลชอัตโนมัติ i-TTL ตลอดจนการปรับสมดุลแสงสีขาวอัตโนมัติได้อย่างแม่นยำอีกด้วย
ฟังก์ชั่น D-Movie รองรับการบันทึกภาพยนตร์ระดับ Full-HD 1920 × 1080 50i/60i จึงให้ภาพเคลื่อนไหวระดับ HD ที่คมชัดสูงในทุกรายละเอียด นอกจากนี้ กล้อง Nikon D5200 ยังมีโหมดเอฟเฟ็คพิเศษหลายรูปแบบที่ช่วยในการประยุกต์ใช้และการปรับเปลี่ยน เอฟเฟ็คพิเศษต่างๆ สำหรับการบันทึกภาพ ฟังก์ชั่นนี้ทำให้สามารถสร้างสรรค์เอฟเฟ็คพิเศษต่างๆกับการบันทึกภาพนิ่งและ ภาพยนตร์ที่ต้องการคุณภาพเหนือกว่าด้วยจำนวนพิกเซลสูงๆ ให้มีลูกเล่นอีกมากมายได้อย่างง่ายดายและสนุกสนาน
ยิ่งกว่านั้น กล้องNikon D5200 ยังรองรับอุปกรณ์เสริมถ่ายโอนภาพแบบไร้สาย Wireless Mobile Adapter WU-1a และ รีโมทคอนโทรลไร้สายรุ่นใหม่ Wireless Remote Controller WR-R10/WR-T10 (มีจำหน่ายแยกต่างหาก) เพื่อการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์สื่อสารอัจฉริยะอื่นๆ และควบคุมกล้องผ่านรีโมตคอนโทรล ทำให้กล้อง NikonD5200 เป็นกล้องที่ใช้งานสะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น เพียงนำ Wireless Mobile Adapter WU-1a มาต่อเข้ากับกล้องจะสามารถถ่ายโอนไฟล์ภาพไปยังอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์ ทั้งสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต (Android หรือ iOS)¹ และยังสามารถใช้อุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์เป็นรีโมทคอนโทรลควบคุมการถ่ายภาพได้อีก ด้วย นอกจากนี้ Wireless Remote Controller ซึ่งประกอบด้วย WR-R10 อุปกรณ์รับสัญญาณ (transceiver) และ WR-T10 ซึ่งเป็นอุปกรณ์ส่งสัญญาณ (transmitter) รุ่นใหม่ ยังช่วยให้สามารถควบคุมการทำงานของกล้องจากระยะไกลได้จากระยะที่ไกลกว่าและ มุมที่กว้างกว่าการใช้รีโมทคอนโทรลระบบอินฟราเรด จึงง่ายและสะดวกกว่าแม้มีสิ่งกีดขวาง นอกจากนี้ WR-T10 ยังสามารถใช้ในการควบคุมกล้องที่ต่อกับ WR-R10 โดย WR-T10 สามารถควบคุมกล้องหลายตัว² ที่เชื่อมต่ออยู่กับอุปกรณ์ WR-R10 ได้อีกด้วย ช่วยให้การควบคุมกล้องหลายตัวจากระยะไกลเป็นไปอย่างราบรื่น
คุณสมบัติพื้นฐานของกล้องNikon D5200
1. เซ็นเซอร์รับภาพนิคอน DX-format CMOS ใหม่ ที่ให้ความละเอียดสูงระดับ 24.1 ล้านพิกเซล พร้อมช่วงความไวแสง (ISO) ที่กว้าง เพื่อคุณภาพและความละเอียดของภาพที่เหนือกว่า
กล้องNikon D5200 มาพร้อมเซ็นเซอร์รับภาพ DX-format CMOS รุ่นใหม่ ที่ให้ ความละเอียดสูงระดับ 24.1 ล้านพิกเซล ทั้งยังรองรับช่วงของค่าความไวแสง (ISO) มาตรฐานที่กว้าง ตั้งแต่ต่ำสุดที่ ISO 100 ถึงสูงสุด ISO 6400 และขยายได้อีกถึงระดับที่เทียบเท่า ISO 25600 (Hi 2) คุณสมบัติดังกล่าวช่วยให้ได้ภาพที่สวยคมชัดแทบไม่มีสัญญาณรบกวนแม้ถ่ายด้วย ความไวแสงสูงๆ เมื่อใช้กับเลนส์ NIKKOR ที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีการบันทึกภาพขั้นสูงของนิคอน พร้อมความละเอียดประมาณ 24.1 ล้านพิกเซล จะให้ภาพที่คมชัดแม้รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ
2. ระบบประมวลผลภาพ EXPEED 3 ช่วยให้กล้องดิจิตอล SLR ทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
กล้อง D5200 มาพร้อมระบบประมวลผลภาพประสิทธิภาพสูง EXPEED 3 เช่นเดียวกับที่ใช้ในกล้องระดับระดับสูงฟอร์แมท FX อย่าง D4, D800, D800E และ D600 คุณสมบัตินี้จะช่วยให้ได้ภาพสมจริงและสีสันสดใส ตลอดจนแสดงโทนสีได้อย่างหลากหลาย และด้วยการบันทึกภาพที่ความไวแสงสูงๆ ระบบประมวลผลชั้นสูงเพื่อลดสัญญาณรบกวนจะช่วยขจัดสัญญาณรบกวนได้อย่างมี ประสิทธิภาพเพื่อรักษาความคมชัดของภาพไว้ได้อย่างดี ระบบลดสัญญาณรบกวนที่ได้รับการออกแบบสำหรับโหมดการถ่ายภาพยนตร์ จึงสามารถบันทึกภาพยนตร์คุณภาพสูงได้แม้ในสภาวะแสงน้อย
3. ประสิทธิภาพและการทำงานพื้นฐานของกล้องที่ยอดเยี่ยมช่วยให้การบันทึกภาพในสภาวะแสงที่ยากต่อการถ่ายภาพเป็นเรื่องง่ายดาย
มาพร้อมระบบออโต้โฟกัส (AF) ที่มีจุดโฟกัสให้เลือกมากถึง 39 จุด
ด้วยโมดูลเซ็นเซอร์ออโต้โฟกัส Multi-CAM4800DX ช่วยให้การจับโฟกัสและติดตามวัตถุได้อย่างแม่นยำด้วยจุดโฟกัส 39 จุดซึ่งประกอบด้วยเซ็นเซอร์แบบ cross-type สำหรับจุดโฟกัสบริเวณกลางภาพ 9 จุด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจับโฟกัสและติดตามวัตถุได้อย่างดีเยี่ยม และยังสามารถเลือกการทำงานจุดโฟกัสให้เหลือเพียง 11 จุดเพื่อการปรับที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
  • เซ็นเซอร์วัดแสง 2,016-pixel RGB พร้อมระบบ Scene Recognition System ในตัว
ระบบ Scene Recognition System จะตรวจจับสภาวะของวัตถุก่อนถ่ายภาพและจากนั้นจะวิเคราะห์ความสว่างและข้อมูล สีของสถานที่ ซึ่งจากนั้นจะใช้กับโหมดออโต้โฟกัส (autofocus), การเปิดรับแสงอัตโนมัติ (auto-exposure), การควบคุมแฟลชอัตโนมัติ (i-TTL balanced fill-flash) และระบบควบคุมค่าสมดุลแสงสีขาวอัตโนมัติ (auto white-balance control) ผลที่เห็นได้ชัดที่สุดกับการติดตามที่กำลังเคลื่อนไหวได้อย่างแม่นยำเมื่อ เปิดใช้โหมดโฟกัสติดตามแบบ 3D-tracking ระบบนี้ยังสามารถค้นหาวัตถุขนาดเล็กๆ ได้ดีกว่ารุ่น D5100 นอกจากนี้ เมื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นค้นหาใบหน้า (Face-priority AF) กับการบันทึกภาพเคลื่อนไหวในโหมด live view หรือเมื่อภาพใบหน้าถูกขยายด้วยฟังก์ชั่น playback ภาพนิ่ง จะสามารถจับภาพใบหน้าได้สูงสุดถึง 35 ใบหน้า
  • ถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงได้ถึงประมาณ 5 เฟรมต่อวินาที
ถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงได้ถึงประมาณ 5 เฟรมต่อวินาที ผู้ใช้จึงไม่พลาดการบันทึกช่วงเวลาสำคัญ ไม่ว่าจะวางกรอบภาพโดยใช้ช่องมองภาพแบบ (optical viewfinder) หรือหน้าจอแสดงผลของกล้อง ทั้งยังอัดแน่นด้วยจุดโฟกัส 39 จุดที่ครอบคลุมกรอบภาพส่วนใหญ่อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อการค้นหาและติดตามวัตถุอย่างแม่นยำ โดยเฉพาะวัตถุที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เช่น นักกีฬาขณะอยู่ในสนามแข่งขัน นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกโหมดถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงประมาณ 3 เฟรมต่อวินาทีในหลากหลายสถานการณ์ เช่น การจับภาพการแสดงออกตามธรรมชาติของมนุษย์ ซึ่งควรใช้อัตราการแสดงภาพ (frame rate) ที่ช้าลง ช่วยให้การเลือกอัตราการแสดงภาพเหมาะสมกับสถานที่มากที่สุด
4. หน้าจอแสดงผล LCD แบบปรับหมุนได้ เพื่อการถ่ายภาพจากมุมมองที่ไม่เหมือนใคร
หน้าจอแสดงผล LCD ขนาด 3 นิ้ว ความละเอียด 921k-dot (โดยประมาณ) แบบมุมมองกว้าง เป็นจอขนาดใหญ่และช่วยให้มองเห็นชัดเจน สามารถบิดขึ้นลงได้ตั้งแต่ +180° ถึง -90° การใช้จอแบบปรับมุมได้ที่เปิดออกด้านข้างช่วยให้เปิดใช้และหมุนจอได้สะดวก เมื่อติดตั้งกล้องบนขาตั้งกล้อง ให้ความยืดหยุ่นในการถ่ายภาพจากมุมต่ำไปหามุมสูงแบบไร้ข้อจำกัด หรือแม้กระทั่งการถ่ายภาพตัวเอง
5. ถ่ายภาพเคลื่อนไหวคุณภาพเทียบเท่ากล้องถ่ายภาพยนตร์ด้วยระบบ D-Movie ของนิคอนพร้อมคุณภาพของภาพที่เหนือกว่า: 1920 x 1080 60i/50i
D5200 มาพร้อมฟังก์ชั่น D-Movie ที่ช่วยให้การบันทึกภาพเคลื่อนไหวระดับ Full HD 1920 × 1080 50i/60i ทำได้อย่างสะดวกง่ายดาย ทั้งยังให้คุณภาพที่เหนือกว่า โดยเพียงแค่กดปุ่มบันทึกภาพเคลื่อนไหว (movie-record) ที่อยู่ถัดจากปุ่มชัตเตอร์ ส่วนเซ็นเซอร์รับภาพ Nikon DX-format CMOS รุ่นใหม่ที่ให้ความละเอียดสูงระดับ 24.1 ล้านพิกเซล และระบบประมวลผลภาพความเร็วสูง EXPEED 3 ช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะได้ภาพคมชัด สัญญาณรบกวนต่ำ
นอกจากนี้ยังสามารถใช้ระบบออโต้โฟกัสระหว่างการบันทึกภาพเคลื่อนไหวโดย ใช้ ฟังก์ชั่น contrast-detect AF และเมื่อตั้งค่าโหมดโฟกัสเป็น Full-time servo AF (AF-F) และจากโหมด AF-area เป็น Subject-tracking AF กล้องโฟกัสติดตามวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวในเฟรมแบบสามมิติโดยอัตโนมัติ สำหรับผู้ที่ต้องการปรับความเร็วชัตเตอร์และความไวแสง ISO ตามความต้องการของตนเอง สามารถเลือกตั้งค่าแบบ Manual settings ได้อีกด้วย
นอกเหนือจากความสามารถในการเลือกอัตราการบันทึกภาพ (recording frame rate) จาก 50i หรือ 60i (1080) หรือ 24p, 25p, 30p หรือ (1080) ต่อวินาทีแล้ว กล้องรุ่นนี้ยังมีไมโครโฟนสเตอริโอที่ให้คุณภาพเสียงที่เหนือกว่าสำหรับการ บันทึกภาพเคลื่อนไหว ระบบเสียงสเตอริโอสามารถบันทึกผ่านไมโครโฟนสเตอริโอ ME-1 ได้อีกด้วย (อุปกรณ์เสริม)
6. โหมดเอฟเฟ็คพิเศษสำหรับการถ่ายภาพเชิงสร้างสรรค์
D5200 มีเอฟเฟ็คพิเศษให้เลือกถึง 7 รูปแบบ และประยุกต์ใช้ได้ทั้งกับการบันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว เอฟเฟคพิเศษจะปรากฏบนจอแสดงผลพร้อมมุมมองผ่านเลนส์ก่อนทำการถ่ายภาพนิ่งหรือ บันทึกภาพเคลื่อนไหว ช่วยให้ผู้ใช้สามารถยืนยันผลของการเลือกเอฟเฟ็คหรือปรับค่าต่างๆ ได้อย่างฉับไว ผู้ใช้จะได้เพลิดเพลินกับเอฟเฟ็คที่น่าทึ่งเช่นเดียวกับที่เห็นในภาพยนตร์ ที่ใช้เทคนิคพิเศษ โหมดนี้พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองพลังสร้างสรรค์ของผู้ใช้ที่ต้องการช่องทาง แสดงออกถึงสไตล์และความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง
7. รองรับ Wireless Mobile Adapter WU-1a (อุปกรณ์เสริม) ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการถ่ายโอนไฟล์ภาพแบบไร้สายไปยังอุปกรณ์ประเภท smart device
เพียงแค่ต่อ Wireless Mobile Adapter WU-1a (จำหน่ายแยกต่างหาก) ภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวคุณภาพสูงและคมชัดสมจริงที่บันทึกด้วยกล้องดิจิตอล SLR รุ่นที่ใช้ร่วมกันได้ก็จะถูกถ่ายโอนไปยังอุปกรณ์ประเภท smart device¹ ได้อย่างง่ายดาย โดยภาพที่มองเห็นได้โดยผ่านเลนส์กล้อง (live view) จะปรากฏบนหน้าจอสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต (Android หรือ iOS) เพื่อควบคุมการถ่ายภาพจากระยะไกล (ไม่รองรับการบันทึกภาพเคลื่อนไหวจากระยะไกล) และไฟล์ภาพที่ถ่ายด้วย D5200 สามารถถ่ายโอนไปยังอุปกรณ์ประเภท smart device ผ่านการเชื่อมต่อไร้สาย
การใช้ Wireless Mobile Adapter WU-1a ช่วยให้ผู้ใช้เพลิดเพลินกับภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวที่บันทึกไว้ด้วยกล้อง D5200 และเลนส์ NIKKOR ได้หลากหลายช่องทางยิ่งขึ้น ภาพยนตร์ที่พวกเขาได้รับการบันทึกด้วย D5200 และเลนส์ NIKKOR โดยช่วยให้สามารถแบ่งปันภาพกับสมาชิกในครอบครัวและเพื่อนๆ ได้ทันใจ หรืออัปโหลดไปยังบล็อกหรือเครือข่ายสังคมออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา
8. รองรับ Wireless Remote Controller WR-R10/WR-T10 ที่ช่วยควบคุมการถ่ายภาพจากระยะไกลได้อย่างสะดวก ง่ายดาย
การควบคุมการถ่ายภาพจากระยะไกลจะง่ายขึ้นด้วยกล้อง D5200 เนื่องจากรองรับ WR-R10 ซึ่งเป็นอุปกรณ์รับสัญญาณ (transceiver) และ WR-T10 อุปกรณ์ส่งสัญญาณ (transmitter) เมื่อต่อ Wr-R10 กับกล้อง D5200 อุปกรณ์ส่งสัญญาณ WR-T10 สามารถใช้เป็นรีโมทคอนโทรลของกล้องได้ ทั้งนี้ การถ่ายภาพจากระยะไกลโดยใช้ WR-R10/WR-T10 จะง่ายกว่าการใช้รีโมทระบบอินฟราเรด เนื่องจากสิ่งกีดขวาง เช่น ต้นไม้และกำแพง ระหว่างอุปกรณ์รับสัญญาณและอุปกรณ์แปลงสัญญาณจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการสื่อสาร ข้อมูล นอกจากนี้ ระยะสั่งการให้กล้องทำงานยังเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 20 เมตร ทั้งยังสามารถควบคุมการทำงานต่างๆ ของกล้อง ได้แก่ ระบบออโต้โฟกัส, บันทึกภาพเคลื่อนไหว, ถ่ายภาพต่อเนื่อง, โหมดปิดเสียงชัตเตอร์ และแม้แต่ออกแบบการทำงานของปุ่มฟังก์ชั่น
โดยปกติ WR-T10 สามารถใช้เป็นรีโมทคอนโทรลสำหรับกล้องเพียงตัวเดียวที่ต่อกับ WR-R10 แต่ในกรณีนี้สามารถใช้ควบคุมกล้องหลายตัวที่ต่อกับ WR-R10 ได้ไม่จำกัดจำนวน ผู้ใช้จึงควบคุมกล้องหลายตัวจากระยะไกลได้อย่างราบรื่นโดยใช้อุปกรณ์ควบคุม เพียงชิ้นเดียว ทั้ง WR-R10/WR-T10 ช่วยให้การถ่ายภาพเป็นเรื่องสนุกมากขึ้น เพราะเลือกบันทึกภาพได้หลากหลายอารมณ์และสถานที่ในเวลาเดียวกันด้วยกล้อง หลายๆ ตัว ซึ่งแต่ละตัวต่างก็ใช้เลนส์ต่างกันและถ่ายจากมุมที่แตกต่าง โดยใช้จอแสดงผลแบบปรับมุมได้
คุณสมบัติและฟังก์ชั่นของกล้อง D5200 เพิ่มเติม
  • กล้อง D5200 มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ ดำ, แดง, บรอนซ์ โดยฝาปิดสายต่อพ่วงและสายไฟเป็นสีเดียวกับตัวกล้อง
  • ด้วยน้ำหนักประมาณ 555 กรัม¹ กล้อง D5200 ขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบาให้ประสิทธิภาพการทำงานที่เหนือกว่า ใช้งานง่ายกว่า และจับถนัดมือกว่า
  • กล้อง D5200 มาพร้อม graphical user interface (GUI) ใหม่ ที่ใช้งานง่ายและชาญฉลาดยิ่งขึ้น
ที่มา : Nikon.co.th